บล.ทรีนีตี้

เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส – JMT

Upside/Downside +76% / Median Consensus 37.29 บาท

กำไร 4Q66 ดีกว่าคาดจากปัจจัยฤดูกาล

  • กำไร 4Q66 อยู่ที่ 540 ล้านบาท ดีขึ้น 16%QoQ และ 10%YoY สูงกว่าคาด
  • ยอดจัดเก็บปรับตัวดีขึ้นตามฤดูกาล และดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า
  • เช่นเดียวกับส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC ที่ดีขึ้นค่อนข้างมาก และดีกว่าคาด
  • ECL ลดลง QoQ จากการกลับสำรองหนี้ตามฤดูกาล
  • ยังคาดกำไรปี 67 จะเติบโตราว 16%YoY แม้ว่าจะมีการซื้อหนี้เข้ามาค่อนข้างมากในปีที่ผ่านมา แต่การจัดเก็บอาจทำได้ไม่เต็มที่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
  • อาจมีการปรับประมาณการภายหลังการประชุมนักวิเคราะห์
  • มองราคาหุ้นที่อ่อนตัวสะท้อนปัจจัยลบระยะสั้นไปแล้ว

กำไร 4Q66 ดีกว่าคาด

JMT ประกาศกำไร 4Q66 ที่ 540 ล้านบาท ดีขึ้น 16%QoQ และ 10%YoY ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าราว 9% ส่งผลให้กำไรปี 2566 อยู่ที่ 2,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%YoY โดยยอดจัดเก็บที่ปรับตัวดีขึ้น 14%QoQ และ 14%YoY มาอยู่ที่ 1,518 ล้านบาท (เดิมเราคาดที่ 1,360 ล้านบาท) โดยหลักเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล ทำให้ยอดจัดเก็บทั้งปี 2566 ไม่รวม JK AMC อยู่ที่ 5,778 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%YoY ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC อยู่ที่ 161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41%QoQ และ 157%YoY (เดิมเราคาดที่ 111 ล้านบาท) ทั้งสองปัจจัยจึงทำให้กำไร 4Q66 ออกมาสูงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า ปัจจัยอื่นๆ ออกมาค่อนข้างใกล้เคียงคาด โดยนอกจากยอดจัดเก็บและส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC ที่ปรับตัวดีขึ้นแล้ว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังลดลง 11%QoQ เนื่องจากมีการกลับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ตามฤดูกาล ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราคาดไว้ก่อนหน้า

รอดูเป้าหมายปี 67 หลังการประชุมนักวิเคราะห์

เราคาดกำไรปี 2567 จะเติบโตราว 16%YoY แม้ว่าในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทจะสามารถซื้อหนี้เข้ามาได้ค่อนข้างมาก ทำให้มูลหนี้ภายใต้การบริหารปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่การเติบโตของกำไรอาจไม่สูงเช่นในอดีต เนื่องจากยังมีปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ และหนี้ครัวเรื่อนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้การจัดเก็บไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่ ซึ่งหากปัจจัยด้านเศรษฐกิจเริ่มคลี่คลาย อาจกลับมาเห็นการเติบโตได้ดีอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามเราอาจมีการปรับประมาณการภายหลังการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 13 ก.พ. 67 นี้

คงราคาเป้าหมาย 40 บาท

เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 40 บาท อิง PBV 2.0 เท่า ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาได้สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการระยะสั้นที่อาจไม่เติบโตสูงเช่นในอดีตไปแล้ว ขณะที่หากมอง Cycle ของธุรกิจระยะยาว ภาพธุรกิจปัจจุบันถือเป็นปกติที่ในช่วงเศรษกิจไม่ดี การจัดเก็บจะทำได้ไม่ดีเช่นกัน แต่จะมีการซื้อหนี้เข้ามาได้ค่อนข้างมาก ซึ่งหากเริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ดีอีกครั้งหนึ่ง

ความเสี่ยง: อัตราการจัดเก็บหนี้และกระแสเงินสดและการซื้อหนี้ต่ำกว่าที่คาด

- Advertisement -