บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
T.A.C. CONSUMER (TACC TB)
กำไรฟื้น และ Valuation ถูก
- คาดกำไรปกติ 4Q23 สูงสุดรอบ 6 ไตรมาส แต่กำไรสุทธิจะลงเพราะมีการตั้งด้อยค่า
- จะหยุดรับรู้ขาดทุน TCI ตั้งแต่ 1Q24 และอาจมีการกลับรายการด้อยค่า หากธุรกรรมการขายแล้วเสร็จ
- แนะนำซื้อ เป้าใหม่ 7.8 บาท ชอบที่ Valuation ถูก และปันผลสูง
คาดกำไรปกติ 4Q23 สูงสุดรอบ 6 ไตรมาส ส่วนรายได้ลุ้นทำนิวไฮ
คาบกำไรจากธุรกิจหลัก 4Q23 อยู่ที่ 61 ลบ. (+18.5% q-q, +27.2% y-y) ถือเป็นการฟื้นตัวได้ดี ส่วนหนึ่งจากช่วง High season ของธุรกิจ และยังมีการออกเครื่องดื่มรสชาติใหม่ (Seasonal flavor) ต่อเนื่อง เช่น ชาพีช, อัญชัญน้ำผึ้งมะนาว และ Berry Christmas Series คาดช่วยหนุนให้รายได้รวม +11% q-q, +12.7% y-y โตสูงกว่า SSSG ของ 7-Eleven ที่ FSSIA คาดไว้ +3.5% y-y และด้วยภาพรวมต้นทุนวัตถุดิบค่อนไปในทางทรงตัว จึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะทรงตัวที่ 33.3% ใกล้เคียง 3Q23 แต่ปรับขึ้นจาก 30.8% ใน 4Q22 ถือเป็นกำไรปกติสูงสุดรอบ 6 ไตรมาส
เผชิญด้อยค่าเงินลงทุน เป็น One time และ Non cash
แต่คาดกำไรสุทธิ 4Q23 จะตำกว่าอยู่ที่ 43 ลบ. (-16.3% q-q, -2% y-y) จากการรับรู้ด้อยค่าเงินลงทุนใน TCI ราว 30 ลบ. (เท่ากับมูลค่าลงทุนครั้งแรกในปี 2021) ซึ่งเป็น One time และ Non cash แม้บริษัทได้ทำสัญญาขายหุ้นให้แก่ผู้ซื้อรายหนึ่งใน 3Q23 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอรับชำระเงินค่าหุ้นและโอนหุ้นให้แก่ผู้ซื้อ แต่เนื่องจากขั้นตอนยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อความ Conservative บริษัทจึงได้ตั้งด้อยค่าเงินลงทุนทั้งจำนวนใน 4Q23 นั่นหมายถึงบริษัทจะไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก TCI ตั้งแต่ 1Q24 เป็นต้นไป ที่ผ่านมา ส่วนแบ่งขาดทุนอยู่ที่ราว 10 ลบ./ปี จะเป็นบวกต่อกำไรของ TACC ในปี 2024 ราว 4% อย่างไรก็ตาม หากขั้นตอนการซื้อขายแล้วเสร็จ คาดเกิดในช่วงปี 2024 ซึ่งจะเกิดการกลับรายการด้อยค่าดังกล่าว ตามมูลค่าที่มีการซื้อขายตกลงกัน
คาดกำไรปี 2024 จะกลับมาโตอีกครั้ง
ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2024 เติบโตราว 10% ยังมาจากการเติบโตตาม SSSG และการขยายสาขาของ 7-Eleven และคาดหวังการพื้นตัวของธุรกิจ Character แม้ต้นทุนน้ำตาลและกาแฟมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่บริษัทล็อกราคากาแฟไว้ครอบคลุม 1H24 และคาดถูกหักล้างด้วยราคาครีมเทียมที่ปรับลง เราปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2024-25 ลง 1-1.1% เพื่อสะท้อนต้นทุนที่ใกล้เคียงปี 2023 แต่ปรับลดส่วนแบ่งขาดทุน TCI ออกไป และคาดหวัง HIP ขาดทุนลดลง จึงปรับลดกำไรปกติปี 2024-25 ลงเล็กน้อย 2-5% เป็น 240 ลบ. (กลับมาโต +15% y-y) และ 267 ลบ. (+11.1% y-y) ตามลำดับ
แนะนำซื้อ ด้วยเป้าใหม่ที่สูงขึ้นเป็น 7.8 บาท
ปรับใช้เป้าปี 2024 ที่ 7.8 บาท (อิง PE เดิม 20x) สิ่งที่ดีคือ ผ่านกำไรต่ำสุดแล้วในปี 2023 และขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไรออกไป จะเป็นบวกต่อกำไรปี 2024 และฐานะทางการเงินแข็งแกร่งมีสถานะเป็น Net cash และ ROE 31% ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดเพียง 11X 2024E P/E และคาด Dividend yield ราว 7-8% ต่อปี แนะนำ ซื้อ
Investment thesis
TACC รายได้หลักราว 93% มาจากการจัดหา และจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชาให้กับ 7-Eleven ซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลัก และเป็นผู้นำในตลาด Convenience Store ของไทย ถือเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันของ TACC ที่มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านสาขาของ 7-Eleven มากถึง 15,000 สาขาทั่วประเทศไทย นอกจากนี้เรายังชอบความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน เพราะไม่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจ่ายจากสถาบันการเงิน ขณะที่มีเงินสดในมือสูง
แม้ในช่วงปี 2022-23 บริษัทจะเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และบริษัทร่วม TCI ที่ประสบผลขาดทุนมากขึ้น เราคาดหวังผลประกอบการจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ 2H23 จากต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มปรับลดลง และปี 2024 น่าจะฟื้นได้มากขึ้น หลังบริษัทขายเงินลงทุนใน TCI ทั้งนี้จะหยุดรับรู้ขาดทุนจาก TCI ตั้งแต่ 1Q24 เป็นต้นไป
Company profile
TACC เป็นผู้จัดหา ผลิต และจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม ส่วนใหญ่เป็น ชา กาแฟ โดยเริ่มเป็นพันธมิตรกับ 7-Eleven ตั้งแต่ปี 2005 หลังจากนั้นมีการออกเครื่องดื่มแบรนด์ตนเอง Zenya วางขายในต่างประเทศ CLMV เป็นหลัก รวมถึงการเข้าสู่ธุรกิจ Character Business รับรู้รายได้ค่าลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูน เช่น Rilakkuma, Jay the Rabbit, หมาจำ, Warbie Yama, Line Character และ Bellygom เป็นต้น โดยปี 2022 มีสัดส่วนรายได้จาก B2B และ B2C สัดส่วน 93% และ 7% ตามลำดับ
Catalysts
ปัจจัยหนุนการเติบโตในปี 2024 คือ 1) การเติบโตตามการขยายสาขาของ 7-Eleven ทั้งในไทยและต่างประเทศ 2) การออกสินค้าใหม่ 3) ต้นทุน วัตถุดิบปรับลง 4) การ Exit จากบริษัทร่วมขาดทุน
Risks to our call
ความเสี่ยง คือ 1) กำลังซื้อฟื้นตัวช้ากว่าคาด 2) สภาพอากาศหนาวเย็นกว่าปกติ 3) ออกสินค้าได้ต่ำกว่าแผน 4) ราคาวัตถุดิบปรับลงช้ากว่าคาด และ 5) การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ของภาครัฐ