บล.บัวหลวง: 

JMT – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

What’s new?

JMT ตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 2024 จะเติบโตและขึ้นทำ New high ต่อเนื่อง จากธุรกิจบริหารหนี้ที่ไม่มีหลักประกันเติบโต

Highlights: 

  • แนวโน้มการจัดเก็บเงินสดจะทยอยฟื้นตัวในปี 2024 ผลบวกจากปริมาณหนี้ที่บริหารมีมากขึ้น โดยล่าสุด JMT และ JK AMC มีหนี้บริหาร ณ สิ้น 2023 ทั้งสิ้น 5.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 97% YoY ซึ่งจะชดเชยผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกหนี้บางส่วนไปได้
  • JMT ประเมินว่าธนาคารจะยังคงนำ NPL ออกมาขายจำนวนมากในปีนี้ โดยเฉพาะใน 2H24 โดยบริษัทไม่ได้ตั้งเป้าหมายซื้อหนี้ในปี 2024 แต่จะเน้นประเมินหนี้ที่จะซื้อว่าให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับเงินลงทุนเป็นหลัก
  • บริษัทเตรียมปรับนโยบายบัญชีในการบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss: ECL) ในปี 2024 เป็นประเมินการจัดเก็บเงินสดจริง และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทุกไตรมาส เพื่อให้การบันทึก ECL และกำไรสะท้อนผลการดำเนินงานในไตรมาสนั้นมากขึ้น จากเดิมที่จะมีการบันทึก ECL จำนวนมากในไตรมาส 1 และ 3 แล้ว จึงประเมินการจัดเก็บเงินสดจริง และค่าใช้จ่าย ECL ในไตรมาส 2 และ 4 ของทุกปี
  • JMT มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2024 ทั้งสิ้น 3.5 พันล้านบาท แบ่งเป็น 1.8 พันล้านบาท จะครบกำหนดในเดือนมี.ค. ซึ่งบริษัทได้เตรียมเงินสดไว้เพียงพอแล้ว โดย JMT มีเงินสด ณ สิ้นปี 2023 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอีก 625 ล้านบาท ในเดือน ก.ย. 24 และ 1.0 พันล้านบาท ในเดือนพ.ย. 24 ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมในการจ่ายคืนเช่นกัน ซึ่งเราประเมินว่า JMT จะจัดเก็บเงินสดได้ 6.3 พันล้านบาทในปีนี้ เพิ่มขึ้น 8% YoY โดยสิ้นปี 2023 JMT มีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย/ทุนเพียง 0.5 เท่า

View from Fundamental:

เรามีมุมมองเป็นกลาง เรายังแนะนำซื้อ จากธุรกิจบริหารหนี้ไม่มีหลักประกันยังดีต่อเนื่องในปี 2024 ทั้งนี้ ราคาหุ้น JMT ปรับเพิ่มขึ้น 8% เช้านี้ ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าวไปบ้างแล้ว

- Advertisement -