บล.เอเซีย พลัส:

SJWD กำไร 4Q66 ปรับเพิ่มเล็กน้อย

ประเมินกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 150 ล้านบาท (+8%QOQ) สาเหตุหลักเกิดจาก GROSS MARGIN ที่ปรับเพิ่มเนื่องจาก SJWD รับฝากรถยนต์ EV เพิ่มและสินค้าอุตสาหกรรมซึ่งมี MARGIN ต่ำ มีปริมาณลดลง นอกจากนี้จากค่าใช้จ่าย (SG&A) ลดลงเช่นกัน เนื่องจากไม่มีใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการเหมือน 9M66

แม้เป้าหมายที่จะไปถึง MARKET CAP. ให้ได้ 100,000 ล้านบาท ในปี 2570 จะเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ SJWD มีกลยุทธ์การเติบโตในรูปแบบต่างๆ เช่น ทำดีล M&A ต่อเนื่อง, มีแผนการทำ ASSET MONETIZATION ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานของ SJWD โดยอิงวิธี DCF (กำหนดสมมติฐาน WACC ที่ 6.6% และ TERMINAL GROWTH RATE ที่ 3%) ได้ราคาเหมาะสม 18.70 บาท มี UPSIDE 24.7%

4Q66 คาดกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท (+8%QoQ)

ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 150 ล้านบาท (+8%QoQ) โดยกลุ่มธุรกิจที่มีผลประกอบการดีขึ้นได้แก่ กลุ่มธุรกิจรับฝากรถยนต์ เนื่องจากช่วง 4Q66 มีการรับฝากรถยนต์ EV จำนวน 10,000 คัน, กลุ่ม food supply chain ที่มีสินค้านำส่งธุรกิจร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้าเป็นจำนวนมาก และธุรกิจ self-storage ที่มีผลประกอบการดีขึ้นจากการทำกลยุทธ์การตลาด ในขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจที่มีผลประกอบการปรับตัวลดลง ได้แก่ กลุ่มคลังสินค้าอันตรายและกลุ่มสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ปริมาณหมุนเวียนสินค้า (throughput) ในช่วงเดือน ธ.ค. ค่อนข้างต่ำ ประกอบกับกลุ่มขนส่งที่มีปริมาณเม็ดพลาสติกและปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศที่ลดลง ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้รายได้ 4Q66 อยู่ที่ 6,125 ล้านบาท (-5%QoQ) ถึงแม้รายได้จะลดลง แต่เนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้า
เม็ดพลาสติกและปูนซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มี margin ต่ำประกอบกับ SJWD รับฝากรถยนต์ EV ซึ่งมีราคาสูงกว่ารถยนต์สันดาป 1 เท่า ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ gross margin งวด 4Q66 อยู่ที่ 13.5% ปรับเพิ่มจาก 3Q66 ที่ทำได้ 12.6% ด้านค่าใช้จ่ายในการขายบริหาร (SG&A) ประเมินที่ 539 ล้านบาท ลดลง 4%QoQ เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการเหมือน 9M66 อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมประเมินที่ 35 ล้านบาท (-17%QoQ) สาเหตุที่ไม่โดดเด่นเนื่องจาก Phnom Penh SEZ. Plc. (PPSEZ) ผู้พัฒนานิคมฯ ในกัมพูชาไม่มียอดขายที่ดินในงวด 4Q66

ปี 2567 มีงาน LSP, M&A และ Asset Monetization

SJWD อยู่ระหว่างการเข้าซื้อหุ้น SCG Inter Vietnam 100% จาก SCG International โดย SCG Inter Vietnam เตรียมให้บริการด้าน Logistics & Supply Chain สินค้าเคมีภัณฑ์ในโครงการ Long Son Petrochemicals (LSP) ซึ่งเป็นโครงการคอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีขนาดใหญ่แห่งแรกในเวียดนาม คาดว่าการ
เข้าซื้อหุ้นดังกล่าวจะดำเนินการเสร็จสิ้นในวันที่ 1 มิ.ย. 2567 นอกจากนี้คาดว่าจะมีงานก่อสร้างภาครัฐเข้ามาบางส่วนในปี 2567 ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้จำนวนเที่ยวการขนส่งปรับเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ, หลังจากที่เข้าซื้อหุ้นของ ANI (SET) และ SWIFT (KLSE) ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา SJWD ยังคงมีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะได้เห็น deal M&A อย่างน้อยอีก 1-2 deal ในช่วง 2H67 นอกจากนี้ ในช่วง 2Q67 – 3Q67 SJWD มีแผนที่จะจัดตั้งกอง REIT มูลค่าประมาณ 3,000 – 5,000 ล้านบาท จาก ALPHA (โครงการร่วมทุนระหว่าง SJWD และ ORI) ที่ปัจจุบันมีพื้นที่คลังสินค้า 500,000 ตร.ม. และมีพื้นที่ใช้สอย 325,000 ตร.ม. โดยเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์จะถูกนำไปไปต่อยอดการลงทุนทั้งการลงทุนเองและการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ประเมิน Fair Value ที่ 18.70 บาท … Outperform

แม้เป้าหมายที่จะไปถึง MARKET CAP. ให้ได้ 100,000 ล้านบาท ในปี 2570 จะเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ทาง SJWD ได้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์การเติบโตในรูปแบบต่างๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานของ SJWD โดยใช้วิธี DCF (กำหนดสมมติฐาน WACC ที่ 6.6% และ TERMINAL GROWTH RATE ที่ 3%) ได้ราคาเหมาะสมที่ 18.70 บาท มี UPSIDE 24.7%

การดำเนินการด้าน ESG ของ SJWD

มิติด้านสิ่งแวดล้อม : มีนโยบายสิ่งแวดล้อม (ISO14001:2015) ซึ่งครอบคลุมทุกกระบวนการดำเนินงานของกิจการต่อสิ่่งแวดล้อมและการคงไว้ซึ่งความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยของพนักงาน เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง และขจัดสภาพความเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยในการทำงาน

มิติด้านสังคม : ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการพัฒนาชุมชน, กำหนดให้มีมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชุมชนและสังคมอันเนื่องมาจากการดำเนินงานของบริษัท

มิติด้านธรรมภิบาล : มีการกำหนดนโยบายการต่อต้านทุจริตคอร์รับชั่นขึ้นเพื่อให้พนักงานทุกระดับหลีกเลี่ยงการกระทำอันใดที่อาจเป็นการเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอรรัปชั่นทุกรูปแบบ

ประเด็นความเสี่ยง

1. ความเสี่ยงจากการที่บริษัท ไม่ได้ต่อสัญญาที่เช่าที่ดินสัญญาสัมปทานต่างๆ รวมถึงคลังสินค้าอันตรายที่ท่าเรือ
แหลมฉบัง

2. เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนในต่างประเทศ อาจมีความเสี่ยงในด้านความแตกต่างในด้านกฎหมาย ข้อบังคับจากการลงทุนในต่างประเทศ

3. ผลบวกจากการควบรวมกิจการ (SYNERGY) ล่าช้ากว่าที่คาด

- Advertisement -