บล.เอเซีย พลัส:

TTCL กำไร 4Q66 อาจผันแปรได้จากรายการพิเศษ

คาด 4Q66 กำไรสุทธิ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49%QoQ หนุนจากรายได้อื่นที่ เพิ่มขึ้นค่อนข้างมีนัยฯ ขณะที่ผลการดำเนินงานหลักทรงตัวจาก 3Q66 อย่างไรก็ตามผลประกอบการ 4Q66 อาจคลาดเคลื่อนจากประมาณการได้ เพราะยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีลูกหนี้ Rocksalt รวมถึงภาษีที่เกี่ยวข้อง

ทิศทางธุรกิจสดใส รองรับจาก Backlog มากกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท รวมถึงงานประมูลใหม่มูลค่า 3.0-4.0 พันล้านบาท ที่จะทราบผลใน 1Q67 ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นมาก หลังได้รับเงิน 1.1 พันล้านบาท จากคดี Rocksalt ให้น้ำหนัก Outperform ประเมินราคาเหมาะสมอิง Historical PBV 1.21 เท่า ที่ 7.00 บาท

คาด 4Q66 กำไรสุทธิ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49%QoQ

ภาพรวมธุรกิจในงวด 4Q66 ของ TTCL อยู่ในเกณฑ์ดี คาดจะมีรายได้จากธุรกิจรับเหมางานด้านวิศวกรรมครบวงจร หรือ EPC (Engineering Procurement และ Construction) ประมาณ 4 พันล้านบาท แม้จะลดลง 9% จาก 3Q66 ที่ทำได้ 4,419 ล้านบาท แต่จะมี Gross margin เพิ่มขึ้นเป็น 7.0% เทียบกับงวด 3Q66 ที่มี Gross margin เพียง 5.9% เนื่องจากงวด 4Q66 มีสัดส่วนงานวิศวกรรมเพิ่มมากขึ้น โดยงานวิศวกรรมเป็นส่วนที่ให้ margin สูงกว่างานทั่วไป นอกจากนี้ในงวด 3Q66 TTCL มีการรับรู้ค่าที่ปรึกษาทางกฏหมายจากคดีข้อพิพาทโครงการ Rocksalt เข้ามาเป็นต้นทุนก่อสร้างประมาณ 30 ล้านบาท ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรตามส่วนได้เสียจากโรงไฟฟ้า Ahlone1 ในเมียนมาร์ คาดจะเพิ่มขึ้นกลับมาสู่ระดับปกติที่ 43 ล้านบาท จากงวด 3Q66 ที่มีส่วนแบ่งกำไรเพียง 31 ล้านบาท หลังโรงไฟฟ้า Ahlone1 สามารถกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตอีกครั้ง

รายการสำคัญในงวด 4Q66 ที่ทำได้ดีกว่างวด 3Q66 คือรายได้อื่นๆ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มาอยู่ที่ 65 ล้านบาท หลัง TTCL ชนะคดีข้อพิพาทโครงการ Rocksalt ในเดือน ต.ค 66 ทำให้จำเลยคือ Vinachem ต้องชำระเงินค่า Legal Fee ให้แก่ TTCL ประมาณ 40 ล้านบาท รวมไปถึงภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากงวด 3Q66 ประมาณ 20 ล้านบาท เนื่องจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่เกิดจากลงทุนในโครงการ NT Biomass Products ถูก Capitalize เข้ามาเป็นต้นทุนโครงการในช่วงระหว่างการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม มีค่าใช้จ่ายบางรายการที่ปรับตัวสูงขึ้นจาก 3Q66 ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากงวด 3Q66 ที่ 179 ล้านบาท มาอยู่ที่ 200 ล้านบาท จากการบันทึกผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้นช่วงสิ้นปี และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 20 ล้านบาท หลังเงินสกุลบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี ทำให้สินทรัพย์ที่อยู่ในสกุลดอลลาร์ของ TTCL มีมูลค่าลดลงเมื่อแปลงค่ากลับมาเป็นสกุลบาท ภายใต้สมมุติฐานข้างต้น ฝ่ายวิจัยคาดว่า TTCL จะมีกำไรสุทธิในงวด 4Q66 อยู่ที่ 116 ล้านบาท (+49%QoQ,-12%YoY)

ทั้งนี้ประมาณการผลประกอบการงวด 4Q66 ของฝ่ายวิจัย ยังไม่ได้รวมรายการที่เกี่ยวข้องกับคดีข้อพิพาทโครงการ Rocksalt ซึ่งวันที่ 16 ต.ค 2566 คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำตัดสินให้ TTCL ได้รับชำระเงินจาก Vinachem จำนวน 1,656 ล้านบาท แม้จะใกล้เคียงกับรายการลูกหนี้โครงการ Rocksalt ที่ TTCL บันทึกอยู่ในงบดุล แต่ภายใต้มาตรฐานบัญชีที่แตกต่างกันระหว่างเวียดนามและไทย ทำให้ต้องมีการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีใหม่ กอปรกับสินทรัพย์ในโครงการ Rocksalt มีสกุลเงินที่เกี่ยวข้องถึง 4 สกุลเงิน ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดช่วง 5 ปีที่มีข้อพิพาทระหว่างกัน จึงมีความเป็นไปได้ที่ TTCL อาจต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางบัญชีใหม่ เข้ามาราว 50-80 ล้านบาท ในงวด 4Q66 แต่ก็จะได้รับการชดเชยจากรายการบวกกลับทางภาษีที่เกี่ยวข้องจากโครงการ Rocksalt เข้ามาบางส่วนเช่นเดียวกัน

ทิศทางธุรกิจปี 2567 สดใส ลุ้น 2 งานใหม่ใน 1Q67

แนวโน้มธุรกิจในปี 2567 ยังคงสดใส โดย TTCL มีงานในมือที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกกว่า 1.84 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในระดับใกล้เคียงกับปี 2566 และยังมีการเข้าประมูลงานใหม่อย่างสม่ำเสมอในระดับ 4-5 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้มีงานในประเทศ 2 โครงการ ที่คาดจะทราบผลภายใน 1Q67 ได้แก่ งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าของกลุ่มลูกค้าเดิมมูลค่าประมาณ 3.0 พันล้านบาท และโครงการในอุตสาหกรรมโรงกลั่น อีกประมาณ 1.0 พันล้านบาท โดย TTCL ตั้งเป้าที่จะรับงานใหม่ในแต่ละปีประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับยอดการรับรู้
รายได้ เพื่อให้มี Backlog ในระดับ 1.5-2.0 หมื่นล้านบาท ตลอดเวลา

นอกเหนือจากทิศทางธุรกิจที่มีความต่อเนื่องของรายได้แล้ว พัฒนาการเชิงบวกที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือความแข็งแกร่งด้านการเงินที่มีมากขึ้น หลัง TTCL ชนะคดีพิพาทโครงการ Rocksalt และได้รับชำระเงินรวม 1,656 ล้านบาท เมื่อหักลบกับเงินจ่ายล่วงหน้าตามคำพิพากษาของศาลเวียดนามจำนวน 531.24 ล้านบาท ที่ TTCL ได้รับเข้ามาแล้วในเดือน ส.ค 64 TTCL จะได้รับเงินส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1.1 พันล้านบาท ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น และด้วยผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องประกอบกับมีภาระหนี้ที่ลดลง ทำให้ TRIS Rating ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของ TTCL จากเดิม BB+ เป็น BBB- (Stable) ซึ่งเป็น Investment Grade เปิดทางให้ TTCL สามารถระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ได้ง่ายขึ้น รองรับโครงการลงทุนใหม่ในอนาคต เช่น โครงการ Black Pellet เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ เป็นต้น

ราคาเป้าหมายปี 2567 อยู่ที่ 7.00 บาท แนะนำ Outperform

ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในเชิงของ Backlog ที่มีเพียงพอรองรับการสร้างรายได้ถึงปี 2568 บวกกับความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่มีมากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก โดยมีค่า PER ต่ำเพียง 5.7 เท่า และซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ณ สิ้นปี 2566 ถึง 35% ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุน Outperform ประเมินราคาเหมาะสมอิง Historical PBV 1.21 เท่า ได้ที่ 7.00 บาท เทียบเท่า Implied PER 10.33 เท่า

การดำเนินการด้าน ESG ของ TTCL

เพื่อให้การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลบรรลุเป้าหมายตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน และตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในห่วงโซ่คุณค่า TTCL จึงได้มีการพิจารณาประเด็นสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท เพื่อวิเคราะห์และกำหนดกลยุทธ์ในการบริหารจัดการประเด็นสำคัญทั้ง 3 ด้าน ดังนี้

ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม
• การควบคุมคุณภาพอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• การควบคุมผลกระทบจากเสียง
• การจัดการขยะและของเสีย
• การจัดการน้ำทิ้งจากกิจกรรมการก่อสร้าง
• การใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ

ประเด็นด้านสังคม
• การจัดการด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัย
• การบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชน / การปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้สียทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม
• ความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม

ประเด็นด้านบรรษัทภิบาล
• นโยบายโครงสร้างและระบบกำกับดูแลกิจการ
• การบริหารรจัดการความเสี่ยง
• ความรับผิดชอบต่อลูกค้าและคุณภาพงาน
• การเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้

- Advertisement -