บล.เอเซีย พลัส:

IRPC 4Q66 ขาดทุนอีกครั้งตามคาด จ่ายปันผล 0.03 บาท เป็นกำลังใจ

IRPC รายงานผลการดำเนินงานสุทธิงวด 4Q66 เผชิญกับผลขาดทุนสุทธิอีกครั้งที่ 3.4 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่เป็นกำไรสุทธิที่ 2.4 พันล้านบาท เป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ โดยถูกกดดันจากทั้งผลการดำเนินงานปกติที่เผชิญกับผลขาดทุนเพิ่มขึ้น จากค่าการกลั่นที่ลดลงมีนัยฯ และรายการพิเศษที่สุทธิแล้วพลิกกลับเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษ 1.1 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่สุทธิแล้วเป็นรายได้พิเศษ 2.7 พันล้านบาท หลักๆมาจากการบันทึกกลับเป็นขาดทุนสต๊อกน้ำมันฯ ส่วนทิศทางผลการดำเนินงาน 1Q67 คาดยังเป็นขาดทุนอยู่ แต่อาจจะลดลง จาก 4Q66 ได้เล็กน้อย จากความหวังธุรกิจปิโตรเคมีจะค่อยๆฟื้นตัว

ประเมินมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 2.4 บาท/หุ้น ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นมีการปรับฐานสะท้อนปัจจัยกระทบต่างๆทั้งงบ 4Q66 ที่ไม่ดี และการฟื้นตัวที่ล่าช้าของจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคปิโตรเคมีหลักไปแล้วระดับหนึ่ง อีกทั้งยังประกาศจ่ายปันผลปี 66 หุ้นละ 0.03 บาท แม้ผลการดำเนินงานทั้งปีจะขาดทุน ประกอบกับภาพรวมธุรกิจน่าจะทยอยฟื้นตัวตามลำดับในปี 2567 จึงเพิ่มคำแนะนำลงทุนเป็น NEUTRAL

4Q66 เผชิญขาดทุนสุทธิอีกครั้ง ตามคาด จากค่าการกลั่นที่ลดลงมีนัยฯ และบันทึกขาดทุนสต๊อกฯ

IRPC รายงานผลการดำเนินงานสุทธิงวด 4Q66 เผชิญกับผลขาดทุนสุทธิอีกครั้งที่ 3.4 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่เป็นกำไรสุทธิที่ 2.4 พันล้านบาท เป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ โดยถูกกดดันจากทั้งผลการดำเนินงานปกติที่เผชิญกับผลขาดทุนเพิ่มขึ้น และรายการพิเศษที่สุทธิแล้วพลิกกลับเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษ 1.1 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่สุทธิแล้วเป็นรายได้พิเศษ 2.7 พันล้านบาท

โดยในส่วนของผลการดำเนินงานปกติในงวด 4Q66 พบว่าเผชิญกับผลขาดทุน 2.3 พันล้านบาท ย่ำแย่กว่างวดก่อนหน้าที่เผชิญกับผลขาดทุน 246 ล้านบาท ถูกกดดันหลักจาก MARKET GIM (GROSS INTEGRATED MARGIN) ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 4.3 จาก 8.9 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในงวดก่อนหน้า แบ่งเป็น SPREAD ปิโตรเลียม (REFINERY+LUBE) ลดลงมาอยู่ที่ 2.8 จาก 8.5 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ตาม SPREAD ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปเกือบทุกชนิดที่ปรับตัวลดลงจากงวดก่อนหน้า จากการที่รัสเซียประกาศยกเลิกการจำกัดการส่งออก
น้ำมันสำเร็จรูป โดยเฉพาะ GASOIL ที่คิดเป็นสัดส่วนราว 50% มี SPREAD ลดลงจากงวดก่อนหน้าราว 6 เหรียญฯต่อบาร์เรล ประกอบกับ CRUDE PREMIUM ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 1 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากงวด 3Q66

ถึงแม้ SPREAD ธุรกิจปิโตรเคมีในงวด 4Q66 พบว่าฟื้นตัวจากงวดก่อนหน้าขึ้นมาเล็กน้อย โดยสามารถพลิกกลับเป็นส่วนแบ่งกำไรได้ 0.6 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล จากงวดก่อนหน้าที่เป็นส่วนแบ่งขาดทุน 0.6 เหรียญฯต่อบาร์เรล รวมถึงอัตราการเดินเครื่องโรงกลั่นในงวด 4Q66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.92 จาก 1.87 แสนบาร์เรลต่อวัน สำหรับส่วน SPREAD ธุรกิจโรงไฟฟ้า และยูทิลิตี้ ทรงตัวใกล้เคียงจากงวดก่อนหน้าที่ 0.9 เหรียญฯต่อบาร์เรล

สำหรับในส่วนของรายการพิเศษในงวด 4Q66 สุทธิแล้วบันทึกกลับเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษรวม 1.1 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่สุทธิเป็นรายได้พิเศษรวม 2.7 พันล้านบาท หลักๆเป็นผลมาจากการบันทึกกลับเป็นขาดทุนสต๊อกน้ำมันรวม NRV และ HEDGING 2.0 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าเป็นกำไรจากสต๊อกน้ำมันรวม NRV และ HEDGING สูงถึง 3.6 พันล้านบาท

โดยรวมแล้วผลการดำเนินงานสุทธิ และผลการดำเนินงานปกติทั้งปี 2566 เผชิญกับผลขาดทุนที่ 2.9 พันล้านบาท และ 2.8 พันล้านบาท ดีขึ้นจากงวดก่อนหน้าที่เป็นขาดทุนสุทธิ 4.4 พันล้านบาท และย่ำแย่กว่างวดก่อนหน้าที่เป็นกำไรปกติ 612 ล้านบาท ตามลำดับ

1Q67 คาดผลการดำเนินงานปกติยังคงขาดทุน ใกล้เคียง 4Q67…ให้น้ำหนักไปที่ 2H67 ที่จะเห็นกำไรจากปิโตรเคมีฟื้น

ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2567-68 ภายใต้สมมติฐาน Market GIM ในปี 2567 ที่ 11.0 เหรียญฯต่อบาร์เรล (ดีขึ้นจากปี 2566 ที่ 9.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล) และส่วนตั้งแต่ปี 2568 กำหนดไว้ที่ 12.0 เหรียญฯต่อบาร์เรล รวมถึงสมมติฐานอัตราการเดินเครื่องโรงกลั่นลงที่ 2.0 แสนบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่ปี 2567 (เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 1.90-1.95 แสนบาร์เรลต่อวัน) ดังนั้นคาดจะเห็นผลการดำเนินงานปี 2567 พลิกกลับเป็นกำไรได้ จากปี 2566 ที่ขาดทุน โดยให้น้ำหนักของผลการดำเนินงานที่จะพลิกฟื้นกลับมาได้อยู่ในช่วง 2H67 ด้วยความหวังว่า
เศรษฐกิจจีน รวมถึงเศรษบกิจโลกจะทยอยฟื้นตัวมีการเติบโตได้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ส่วนของธุรกิจโรงกลั่นคาดสถานการณ์ค่าการกลั่นจะกลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน และมีการแปรผันตามช่วงฤดูกาล ซึ่งจะเป็นช่วง high season ในช่วงปลายไตรมาส 4 ต่อเนื่องในไตรมาส 1 และอ่อนตัวลงในไตรมาส 2 และเข้าสู่ช่วง low season ในไตรมาส 3

ทั้งนี้คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานปกติงวด 1Q67 น่าจะเห็นการฟื้นตัวเล็กน้อย QoQ แม้คาดจะเผชิญกับผลขาดทุนอยู่ แต่อาจจะเป็นขาดทุนที่ลดลงจากงวด 4Q67 ภายใต้สมมติฐานค่าการกลั่นเฉลี่ยที่ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันที่ราว 5-7 เหรียญฯต่อบาร์เรล ยังรับผลบวกจากช่วงปลายฤดูหนาวอยู่ ขณะที่มุมมองธุรกิจปิโตรเคมีนั้น แม้จะยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติตามภาวะเศรษฐกิจ โดยรวมของโลกที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งจะกดดันความต้องการใช้ปิโตรเคมีที่แปรผันตาม GDP Growth แต่ทั้งนี้คาดว่า spread ปิโตรเคมีน่าจะมีการขยับตัวขึ้นได้บ้าง รับอานิสงค์จากจีนที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการประกาศการลงทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งอาจทำให้มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ HDPE Pipe Grade โดยภาพรวมการกลับมาน่าจะยังอยู่ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป แต่หากพิจารณาผลการดำเนินงานสุทธิงวด 4Q66 หากราคาปิดน้ำมันดิบดูไบช่วงสิ้นงวด 4Q66 อยู่เหนือ 77-78 เหรียญฯต่อบาร์เรล จะบันทึกเป็นกำไรจากสต๊อกน้ำมัน แต่ถ้าอยู่ต่ำกว่าจะบันทึกกลับเป็นขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน เบื้องต้นคาดในงวด 1Q67 โอกาสที่จะบันทึกกำไรหรือขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันอาจจะไม่มากนัก เช่นเดียวกับในส่วนของ hedging ที่คาดมีโอกาสที่จะบันทึกขาดทุน/กำไรจาก hedging ไม่มากเช่นกัน

การดำเนินการด้าน ESG ของ IRPC

ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) : พัฒนาธุรกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำควบคู่กับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าควบคุมและลดผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งบรรเทาผลกระทบ และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายระยะสั้นด้วยการกำหนดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อมของบริษัทฯ ในปี 2564 ไม่เกิน 4.14 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ส่วนระยะยาวมีการสนับสนุนและจัดทำแผนงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ อีกทั้ง ในด้านการบริหารจัดการตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายเพื่อนำพลาสติกเป็นของเสียจากกระบวนการผลิต (Post Industrial Recycle: PIR) และพลาสติกที่ผ่านการใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ (Post Consumer Recycle: PCR) พร้อมทั้งนำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงแสวงหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ หรือการร่วมทุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. เพื่อม่งสู่รูะดับการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน ระดับที่ 3 ที่อ้างอิงตาม British Standards Institution: Framework for implementing the principles of the circular economy in organizations – Guide (BS 8001:
2017) ภายในปี 2573 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าวผ่านกิจกรรมภายใน และภายนอกองค์กร อาทิ บริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร เช่น การบริหารจัดการความเสี่ยงในการใช้น้ำ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างความตระหนักในการใช้น้ำให้กับพนักงาน การสร้างความร่วมมือกับภาครัฐ รวมถึงการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และแบ่งปันน้ำกับชุมชน เสริมสร้างศักยภาพแก่ชุมชนทางการเกษตรที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำให้สามารถรับมือกับผลกระทบจากภัยแล้งและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนทางการเกษตรในพื้นที่แห้งแล้ง ให้เป็นชุมชนที่มีความมั่นคงทางด้านน้ำและอาหาร ศึกษาโครงการการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นพลังงานสะอาด เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar Power) เป็นต้น รวมทั้งกำหนดเป้าหมายระยะยาวของดัชนีประสิทธิภาพการใช้พลังงานของบริษัทฯ (Energy Intensity Index: EII) เพื่อลดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จัดทำและดำเนินการตามกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร้อยละ 20 จากกรณีดำเนินกิจกรรมตามปกติ ภายในปี 2573 กำหนดเป้าหมายในการดำเนินการด้านการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 การปลดปล่อยมลพิษอากาศ สารอินทรีย์ระเหยง่าย อัตราการระบายไฮโดรคาร์บอนจากหอเผา และการรั่วไหลที่มีนัยสำคัญ ปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานลงทุนโครงการต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมทั้งการนำหลัก 3Rs มาใช้ในกระบวนการผลิต

ด้านสังคม (Social) : ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ปกป้องสิทธิแรงงาน ความปลอดภัย สุขอนามัย และสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี ควบคู่กับการบริหารและพัฒนา ความรู้ ความสามารถและทักษะใหม่ที่จำเป็นของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญขององค์กรเพื่อสร้างคุณค่าร่วม และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนและกิจกกรม อาทิ จัดสรร
งบประมาณในการวิจัยและพัฒนา สรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในระดับปริญญาเอก เพื่อทำงานวิจัยและพัฒนา และส่งเสริมวัฒนธรรมและองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมในองค์กร และการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่เชิงนวัตกรรม สนับสนุนทุนวิจัย บุคลากรด้านการวิจัย ส่งเสริมสุขภาพและการศึกษาแก่ชุมชนรอบเขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี ผ่านโครงการสร้างคุณค่าร่วมเพื่อสังคม ให้การศึกษาทางเทคนิคและอาชีพแก่เยาวชนผ่านวิทยาลัยเทคโนโลยีไออาร์พีซี โดยมีกลยุทธ์ในการพัฒนาคุณภาพของการศึกษาตามมาตรฐานสากล เน้นความเป็นเลิศในการสร้างกำลังพลอาชีวะทั้งในด้านปิโตรเคมีและพลังงาน และสาขาอื่นๆ ที่ตอบสนองความต้องการของประเทศ

บรรษัทภิบาล (Governance) : ปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม ปฏิบัติตามกฎหมายพันธสัญญา ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องของประเทศที่เข้าไปดำเนินธุรกิจ และแนวปฏิบัติในระดับสากล เปิดเผยข้อมูลและผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใส พร้อมทั้งบริหารจัดการความเสี่ยง ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง แสวงหาโอกาสให้เหมาะสมกับธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และลดผลกระทบจากการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่ารวมทั้งตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุลด้วยการสร้างระบบการบริหารงานที่โปร่งใส เป็นธรรม และปราศจากกรณีทุจริตคอร์รัปชันและการให้สินบนในทุกกิจกรรมทางธุรกิจ และแสดงออกถึงจุดยืนในการไม่เข้าร่วมกับการคอร์รัปชันทุกกรณี และมีเป้าหมายให้พนักงานทุกคนต้องทำรายงานความขัดแย้งทางผลประโยชน์ รวมทั้งการไม่มีเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน

ประเด็นความเสี่ยงที่สำคัญ

1. การหยุดฉุกเฉินของโรงกลั่นและโรงงานปิโตรเคมี (UNPLANNED SHUTDOWN)
2. โครงการ UHV รวมถึงโครงการอื่นๆในแผน PHOENIX ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ไม่ได้ตามแผน
3. ค่าการกลั่นและ SPREAD ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไม่ได้เป็นไปตามสมมติฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจทำให้ประมาณการไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

- Advertisement -