บล.เอเซีย พลัส:

DRT กำไร 4Q66 ตามคาด ส่งปี 2566 new high ต่อ

งวด 4Q66 มีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาท (+6%YOY) ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยคาดเป็นผลจากต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลบวกต่ออัตรา GROSS MARGIN นอกจากนี้ EFFECTIVE TAX RATE งวด 4Q66 ต่ำเพียง 5.2% จากเครดิตภาษีเงินคืนที่ได้จากการลงทุนเครื่องจักร NT-11 ทำให้กำไร 4Q66 เติบโตได้และส่งกำไรปี 2566 ทำ NEW HIGH ต่อเนื่องที่ 638 ล้านบาท (+2%YOY)

ทิศทางกำไรปี 2567 ยังเติบโตต่อเนื่อง สนับสนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสายการผลิต CT-6, การทำการตลาดเชิงรุก และแนวโน้มต้นทุนที่มีความผันผวนน้อยลง อีกทั้งยังมีเครดิตภาษีเงินคืนจากโครงการลงทุนต่างๆ ฝ่ายวิจัยประเมิน FAIR VALUE อิง DDM ได้ราคาเหมาะสม 9.40 บาท มี UPSIDE 13.9% และ DIVIDEND YIELD 6.3% ให้คำแนะนำการลงทุน OUTPERFORM

4Q66 กำไร 125 ล้านบาท ตามคาด ส่งกำไร 2566 new high

งวด 4Q66 มีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ โดยมีรายได้ 1,193 ล้านบาท ปรับลด 4%YoY สาเหตุจากช่วง ธ.ค. 2566 โรงงานอิฐมวลเบามีการปิดปรับปรุงนานกว่าที่วางแผนไว้ 3 – 4 วัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน อย่างไรก็ตาม ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าพลังงาน ค่าก๊าซอยู่ในช่วงขาลง ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ gross margin ปรับเพิ่มเป็น 26.0% ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมายของบริษัทที่ 25 – 27% นอกจากนี้ effective tax rate งวด 4Q66 ต่ำเพียง 5.2% จากเครดิตภาษีเงินคืนที่ได้จากการลงทุนเครื่องจักร NT-11 ส่งผลให้กำไร 4Q66 ยังเติบโตได้เมื่อเทียบกับปีก่อนแม้รายได้จะลดลง และทำให้กำไรปี 2566 ทำสถิติ new high ต่อเนื่องอยู่ที่ 638 ล้านบาท (+2%YoY)

ปี 2567 เชื่อ ยังมีโอกาสรักษายอดขายและ Gross Margin ได้

ด้วยกิจกรรมทางการตลาดที่มีกับลูกค้าเกือบทุกกลุ่ม เช่น 1) กลุ่ม Agent – มีการหา sub-agent รายใหม่เข้ามาเพิ่มเติมรวมไปถึงการเติมสินค้าชนิดใหม่เข้าไปในลูกค้า agent รายเดิม 2) กลุ่มโครงการ – DRT มีแผนที่จะรุกตลาดเข้าไปในส่วนของภูมิภาคมากขึ้นประกอบกับมี demand จากการติดตั้ง solar cell บนหลังคาเข้ามาช่วยหนุนตลาด โดยร่วมมือกับทีมติดตั้งของ DRT เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า 3) กลุ่ม Modern Trade – ลูกค้าของ DRT มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนสาขา 30 – 35 สาขา จากปัจจุบันที่มี 200 กว่าสาขา ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ยอดขายปี 2567 เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 5%YoY, แม้ค่าพลังงานปี 2567 มีแนวโน้มปรับเพิ่มตามค่า Ft แต่ค่าพลังงานคิดเป็นสัดส่วนเพียง 8% ของต้นทุนรวม ขณะที่แนวโน้มราคาปูนซีเมนต์กับราคาเยื่อกระดาษ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของต้นทุนวัตถุดิบมีแนวโน้มทรงตัวในปี 2567 ปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลให้ gross margin ปี 2567 ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ที่ 25 – 27% ได้

รอดูสายการผลิตกระเบื้องคอนกรีต CT-6 เพิ่มรายได้อีก

สำหรับปี 2567 DRT ยังมีโอกาสการเติบโตได้ต่อเนื่องจากโครงการลงทุนติดตั้งสายการผลิตกระเบื้องคอนกรีต (CT-6) และโครงการลงทุนโครงการหลังคาสำเร็จรูปแห่งใหม่ คาดว่าจะพร้อมดำเนินการผลิตได้ในช่วงกลางปี 2567 โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าว่า CT-6 จะสร้างรายได้ในปี 2567 ได้ราวๆ 200 – 300 ล้านบาท ขณะที่ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ประเมินว่าโครงการลงทุนใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2567 จะสร้างรายได้เต็มปี ปีละ 350 – 500 ล้านบาท

โดยรวม โทนค่อนข้างบวก … คงคำแนะนำ outperform

แนวโน้มต้นทุนโดยรวมที่มีความผันผวนลดลง ประกอบกับกิจกรรมทางการตลาดที่ดำเนินกับลูกค้าเกือบทุกกลุ่ม อีกทั้งยังมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสายการผลิต CT-6 ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ยอดขายและ gross margin ทำได้
ตามกรอบเป้าหมายอย่างไม่ยากลำบาก นอกจากนี้ DRT ยังมีปัจจัยบวกในระยะยาวถึง 5-6 ปี จากเครดิตภาษีเงินคืนที่ได้จากโครงการลงทุนต่างๆ เช่น โครงการลงทุนเครื่องจักร NT-11, โครงการลงทุนติดตั้งสายการผลิตกระเบื้องคอนกรีต (CT-6) และโครงการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรผลิตสินค้าอิฐมวลเบา (โครงการ AAC-2) ซึ่งจะทำให้ Effective Tax Rate ใน 5-6 ปี ข้างหน้าอยู่ในระดับประมาณ 17 – 18% ฝ่ายวิจัยประเมิน Fair Value อิง DDM ได้ราคาเหมาะสม 9.40 บาท มี upside 13.9% และ dividend yield 6.3% ให้คำแนะนำการลงทุน outperform

การดำเนินการด้าน ESG ของ DRT

มิติด้านสิ่งแวดล้อม : มีการจัดการน้ำเพื่อไม่ให้กระทบชุมชน โดยใช้อย่างคุ้มค่า มีการบำบัดแล้วนำมาใช้ซ้ำ ประกอบกับมีการจัดการของเสียโดยใช้แนวคิด CIRCULAR ECONOMY และกลยุทธ์ 3R เพื่อลด ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหใม่ เพื่อลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

มิติด้านสังคม : ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในการพัฒนาชุมชน, กำหนดให้มีมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อชุมชนและสังคมอันเนื่องมาจากการดำเนินงานของบริษัท

มิติด้านธรรมภิบาล : มีการกำหนดนโยบายการต่อต้านการธุจริตคอรัปชั่นกับพนักงานทุกระดับ

ประเด็นความเสี่ยง

1. หากต้นทุนวัสดุต่างๆ เช่น ปูนซีเมนต์ ต้นทุนพลังงาน เยื่อกระดาษ ปรับเพิ่มมากกว่าราคาขายที่ DRT สามารถปรับเพิ่มได้ จะกดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 25-27%

2. ความเสี่ยงจากการออกมาตรการควบคุมการใช้แร่ใยหินของภาครัฐ ซึ่งอาจกระทบต่อยอดขายสินค้าในกลุ่มกระเบื้องหลังคาของ DRT ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสินค้าที่มีใยหินประมาณ 30% ของยอดขายทั้งหมด

- Advertisement -