บล.พาย:
BBIK Bluebik Group PC
กำไรสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 4 ไตรมาสติดต่อกัน
เราคาดว่า BBIK ทำกำไรสูงสุดใหม่ในงวด 4Q23 ที่ 80 ล้านบาท (+277%YoY, +8%QoQ) หนุนจากส่วนแบ่งกำไรของ JV นำโดย Orbit ที่เพิ่มขึ้นเป็น 22 ล้านบาท (+722%YoY, +144%QoQ) จากฐาน Backlog ที่อยู่ในระดับสูง ส่วนกำไรจากการดำเนินการอยู่ที่ 66 ล้านบาท (+109%YoY, -6%QoQ) ลดลงจากงวดก่อน เนื่องจากการนำบุคลากรไปส่งมอบงานใน JV แทน (รับรู้ผ่านทำไรจาก JV แทน) ส่งผลให้กำไรทั้งปี 23 อยู่ที่ 277 ล้านบาท (+118%YoY) มากกว่าประมาณการเดิมของเราเล็กน้อย เรายังคงประมาณการณ์กำไรในปี 2024 ที่ 407 ล้านบาท (+47%YoY) มาจาก 1) การ Cross-sell 2) ส่วนแบ่งกำไรจาก JV 3) การประมูลโครงการขนาดใหญ่ 4) อัตราภาษีที่ลดลง เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานที่ 123.40 บาท เทียบเท่ากับ 25.2xPE’24E หรือคิดเป็นที่ PEG 0.63 เท่าเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าที่ (CAGR 40%)
คาดกำไร 4Q23 ยังแข็งแกร่ง YoY และ QoQ
- เราคาดกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 80 ล้านบาท (+277%YoY, +8%QoQ) จากการส่งมอบงาน โดยปกติไตรมาส 4 เป็นไตรมาสส่งโปรเจ็คประจำปี, ส่วนแบ่งกำไรจาก JV
- รายได้ที่ 368 ล้านบาท (+165%YoY, +10%QoQ) มีการส่งมอบโปรเจ็คเพิ่มเติม รวมไปถึงรายได้จาก Innoviz และ Valcan ที่ถูก M&A เข้ามาใน 1Q23 โดยเราได้ปรับรายได้ลดจากประมาณการเดิม 5% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ Orbit ในสัดส่วนที่มากขึ้นในไตรมาส 4 โดยรายได้ที่ลดลงดังกล่าวจะถูกนำไปเพิ่มในส่วนกำไรจาก JV แทน
- อัตรากำไรขึ้นต้นที่ลดลงเหลือ 47% จากไตรมาสก่อนที่ 53% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ Orbit ในสัดส่วนที่มากขึ้นในไตรมาส 4 (GPM น้อยกว่า 10%เทียบกับระดับปกติที่ 50%) อีกทั้งยังมีการรับรายได้แบบ Subscription ซึ่งกำไรน้อยกว่า (อ้างอิงจาก GPM ของ Innoviz ที่ 40%)
- ส่วนแบ่งกำไรจาก JV อยู่ที่ 22 ล้านบาท (+722%YoY, +144%QoQ) มาจากกำไรส่วนแบ่งของ Orbit ที่เติบโตขึ้น จากการรับรู้ Backlog ในสัดส่วนที่มากขึ้น
- เราปรับประมาณการกำไรทั้งปี 2023 เป็น 277 เพิ่มขึ้นจากประมาณเดิม 2% ผ่านการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร JV ที่สูงขึ้น โดยทั้งปี 2023 ที่ 53 ล้านบาท (+172%YoY)
คาดกำไรของปี 2024 เติบโตแข็งแกร่งที่ 47%
- โดยเรายังคงประมาณการกำไรในปี 2024 ที่ 407 ล้านบาท (+47% YoY) มาจาก 1) การดำเนินการหลัก +29%YoY 2) ส่วนแบ่งกำไรจาก JV +8%YoY 3) สัดส่วนการถือหุ้นของ Innoviz +8%YoY 4) อัตราภาษีที่ลดลง +2%YoY เราเชื่อว่า BBIK มีความสามารถในการแข่งขันที่จะหนุนการเติบโต จากประวัติการทำงานและความชำนาญที่มากขึ้น ส่งผลให้รายได้เติบโตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 26% มากกว่ามูลค่าที่เติบโต 15-20%
คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ที่มูลค่าพื้นฐาน 123.40 บาทต่อหุ้น คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC: 11.9%, TG: 5% เทียบเท่ากับ 25.2xPE’24E หรือคิดเป็น 0.63 PEG เมื่อเทียบกับการเติบของกำไรเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าที่ (CAGR 40%)