บล.ฟินันเซีย ไซรัส:

SRISAWAD CORP (SAWAD TB)

ภาระของ SCAP กดดันต่อเนื่อง

  • ผลขาดทุนของ SCAP จากการขายรถยึดกดดันประมาณการกำไรสุทธิ 4Q23 ของ SAWAD อย่างต่อเนื่อง
  • ผู้บริหารคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยึดเยื้อและกดดันผลประกอบการ 1Q24
  • ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ ที่ราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 45 บาท

เร่งจัดการคุณภาพสินทรัพย์ของ SCAP

เราคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q23 ของ SAWAD จะอยู่ที่ 1.30พัน ลบ. (-6.4% q-q, +7.0% y-y) กำไรดังกล่าวน่าจะลดลง q-q จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ปรับขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลขาดทุนจากการขายรถยึด ซึ่งส่วนมากมาจาก SCAP ปัจจัยดังกล่าวผลักดันให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 59.4% ด้วยเหตุดังกล่าวเราคาดว่ากำไรก่อนสำรอง (PPOP) จะอยู่ที่ 1.97 พัน ลบ. (-6.8% q-q, +12.1% y-y) อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยสุทธิน่าจะโตดี q-q และ y-y จากสินเชื่อที่โตต่อเนื่อง (+4.8% q-q, +75.6% y-y) ส่วนมากจากสินเชื่อเช่าซื่อและสินเชื่อจำนำทะเบียน ในทางตรงกันข้าม Interest spread น่าจะลดลง 25bp เป็น 16.57% โดยมีปัจจัยถ่วงจากต้นทุนในการกู้ยืมที่ปรับขึ้น รายได้อื่น (ส่วนมากเป็นรายได้ค่าธรรมเนียม) น่าจะโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 19.0% q-q (แต่ลดลง 19.9% y-y) จากรายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าประกันภัยที่สูงขึ้น ในภาพรวมเราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2023 จะเพิ่มเป็น 5.03 พัน ลบ. (+12.4% y-y)

หนี้ด้อยคุณภาพน่าจะเพิ่มสอดคล้องกับเป้าประมาณการ

เราคาดว่าสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ 4Q23 จะเพิ่มเป็น 3.02% จาก 2.73% ใน 3Q23 ตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ และสอดคล้องกับเป้าประมาณการของบริษัทฯ ที่ 2.9-3.1% การบริหารหนี้ด้อยคุณภาพเชิงรุกโดยเร่งกระบวนการยึดรถยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดผลขาดทุนจำนวนมากในระหว่างไตรมาส อย่างไรก็ดี มีสัญญาณเชิงบวกจากตัวเลขการยึดรถจักรยานยนต์ ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 3,000-4,000 คัน/เดือน ในปัจจุบันจาก 6,000 คัน/เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2023 เราคาดว่าต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อจะอยู่ที่ 1.30% ลดลงจาก 1.41% ใน 3Q23 ในขณะที่สัดส่วนสำรองต่อหนี้ด้อยคุณภาพน่าจะลดลงเป็น 49.6% จาก 50.2% ใน 3Q23

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2023-25 เพื่อสะท้อนการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพเชิงรุก

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2023-25 ลงเฉลี่ย 6-19% จากก่อนหน้าเพื่อสะท้อน 1) การเติบโตของสินเชื่อที่ลดลงตามเป้าประมาณการปี 2024 เป็น 20% y-y สำหรับ SAWAD และ 15% y-y สำหรับ SCAP และ 2) สัดสู่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนผลขาดทนจากการขายรถยึดที่สูงขึ้นของ SCAP ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะต่อเนื่องไปใน 1Q-2Q24 ที่ประมาณ 200-300 ลบ./ไตรมาส ก่อนกลับสู่ระดับปกติที่ประมาณ 100 ลบ./ไตรมาส ใน 3Q24 แม้ว่า Interest spread จะปรับขึ้น และประมาณการต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อปี 2023 จะลดลง ผลกระทบเชิงลบกลับมีน้ำหนักมากกว่าเชิงบวก ซึ่งจะกดดันกำไรสุทธิให้โตเพียง 12.4% y-y ในปี 2023E และ 6.3-12.8% ในปี 2024-25E ตามลำดับ

ปรับลดคำแนะนำลงทุนเป็นถือ

เราได้ปรับลดคำแนะนำลงทุนเป็น ถือ จากเดิมซื้อ เนื่องจากเหลือ upside ไม่มาก โดยราคาเป้าหมายปี 2024 หลังปรับปรุงเท่ากับ 45 บาท (เดิม 54 บาท) ที่ระดับ P/BV of 1.76x (จากเดิม 2.05x) อิง GGM ภายใต้สมมติฐาน LT ROE ที่ 18.4% และ COE เท่ากับ 12.6%

 

- Advertisement -