ขึ้น/ลง คงต้องพึ่งบอร์ดดิจิทัล / 1,380 — 1,390

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

SET อาจฟื้นขึ้นสั้นๆ ระหว่างรอความคืบหน้าเงินดิจิทัล: โดยแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกเริ่มเบาบางลง หลัง 10-Year US Bond Yields และ Dollar Index เริ่มชะลอตัวลงสั้นๆ สู่ระดับ 4.25% และ 104.68 จุด จากวันก่อนหน้าที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใกล้ระดับ 4.35% และ 105 จุด ตามลำดับ ลดแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในเอเชีย จึงอาจเห็นการฟื้นตัวสั้นๆในช่วงต้นชั่วโมงการซื้อขาย ก่อนจะแกว่งตัวออกข้างในระหว่างวันเพื่อรอความคิบหน้าการประชุมของบอร์ดใหญ่ คณะกรรมการเงินดิจิทัลที่มีนายกเข้าร่วมประชุม ซึ่งทางฝ่ายมองเป็นจุดเปลี่ยนหลักในวันนี้ โดยมองความเป็นไปได้ในสองกรณี คือ 1) กรณีที่มีความคืบหน้าจากที่ประชุม มองตลาดจะตอบรับในเชิงบวก หุ้นในกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว และเครื่องดื่ม จะฟื้นตัวโดดเด่น ผลักดันตลาดให้ปรับตัวขึ้นได้ต่อ 2) หากมีสัญญาณในเชิงลบจากที่ประชุม หรือยังมีความไม่ชัดเจน/คืบหน้า จะสร้างความผิดหวังให้ตลาด คาดตลาดจะเผชิญแรงขายเข้ามาเพิ่ม ในกรณีนี้ คาดหุ้นในกลุ่ม Defensive หุ้นที่มีผลประกอบการ 4Q66 ดี และหุ้นที่มีปันผลน่าสนใจเช่นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่จะประกาศปันผลในสัปดาห์หน้า จะกลับมาน่าสนใจ โดยทางฝ่ายให้น้ำหนักในกรณีที่ 1 มากกว่า เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความสัมพันธ์หลักกับปัญหาปากท้องประชาชน ซึ่งเป็นจุดขายของพรรคเพื่อไทยหากไม่สามารถผลักดันนโยบายดังกล่าวได้ อาจนำไปสู่ภาพลักษณ์พรรคที่แย่ลง จึงมองต้องจับตาที่ประชุมเงินดิจิทัลเป็นหลักเพื่อคาดการณ์ทิศทางของตลาด ระหว่างวันคาดจะเห็นการเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่ประกาศผลประกอบการดี และหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะ เช่น กลุ่มก่อสร้างจากประเด็นความคืบหน้าการประมูลทางด่วนฉลองรัชส่วนต่อขยายคาดจะทำสัญญาได้ช่วงปลายปีนี้

กลยุทธ์การลงทุน : 1) Spending+ท่องเที่ยว: AWC, BA, CRC, CPAXT, DUSIT, MINT, SNNP, SPA 2) คาดงบ 4Q66 ดี : BDMS, BEM, BGRIM, ONEE, SISB 3) Defensive + Dividend play:BH, SC, SPALI, TISCO, TTW และ 4) บาทอ่อน: TU, ITC, SAPPE, ASIAN

ปัจจัยบวก

  • Rho Motion บริษัทวิจัยตลาดของอังกฤษ ระบุยอดขายรถยนต์ ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 69%y-y ในเดือน ม.ค. หนุนกลุ่ม AUTO
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ รายงาน CPI อังกฤษทรงตัวที่ระดับ 4%y-y ในเดือนม.ค. จากการชะลอตัวลงของราคาเฟอร์นิเจอร์และสินค้าในครัวเรือน, อาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
  • หุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงเริ่มปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลการอุปโภคบริโภคที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวในช่วงตรุษจีน
  • รมว.พลังงานเสนอแนวทางการสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อความมั่นคงและรักษาระดับราคาโครงสร้างราคาใหม่ ของประเทศไทยเพื่อให้เกิดเสถียรภาพด้านพลังงานภายใน
  • ราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นทะลุ 5 หมื่นดอลลาร์ต่อเหรียญ หนุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล กลับมาคึกคัก

ปัจจัยลบ

  • UN เตือนอิสราเอลเบรกการโจมตีภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ ในฉนวนกาซา โดยระบุว่าการรุกรานดังกล่าวอาจจะนำไปสู่การสังหารหมู่ในเมืองราฟาห์ ซึ่งอยู่ท่างตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งมีประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนอาศัยอยู่ สร้างความกังวลด้าน Geopolitical ที่ยืดเยื้อ
  • กทม.ประกาศ WFH ช่วง 15-16 ก.พ.นี้ หลัง ฝุ่น PM 2.5 สูงกว่ามาตรฐานใน 68 พื้นที่ของ กทม. กดดันต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใน
  • Goldman Sachs ประเมิน “เศรษฐกิจอังกฤษ” โตต่ำกว่า 5% หลัง Brexit ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โดยโตช้ากว่าเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ
  • รองผู้ว่าการ กฟผ. ชี้การจัดตั้งบอร์ด กฟผ. ช้าจะทำให้กระทบต่อการอนุมัติการลงทุนโครงการใหญ่ในระยะยาว หลังชุดเดิมหมดวาระไปเมื่อ 1 ต.ค. 2566

PICKS OF THE DAY

BEM BUY
  • เป้าหมาย 7.80 / 8.2 แนวรับ 7.40
  • คาด 4Q66 กำไร +29.4% y-y: ผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าใน 4Q66 ดีขึ้น 2.2% และ 19.3% y-y ประกอบกับรายได้เชิงพาณิชย์ที่ดีขึ้นตามฤดูกาล คาดทำให้รายได้ +8.5% y-y และกำไร +29.4% เป็น 781 ลบ. คาดจ่ายปันผลที่ 0.17 บาทของทั้งปี 2566
  • ฟื้นตัวต่อเนื่องและอาจได้โครงการใหม่: ม.ค. ผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้า +0.5% และ +13.1% y-y แม้การฟื้นตัวของทางด่วนจะไม่สูง แต่แนวโน้มรถไฟฟ้าคาดจะยังโตดี เพราะครึ่งปีหลังจากมีการเปิด “วัน แบงค็อก – ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เป็นโครงการอสังหาฯขนาดใหญ่ จะช่วยหนุนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีข่าว กทพ.จะให้บอร์ดพิจารณาทางด่วนชั้นที่ 2 ในเดือนนี้ หากได้รับการอนุมัติ กระบวนต่าง ๆ จะแล้วเสร็จและลงนามได้ไม่เกิน ก.ย. นี้ โดยแลกกับการขยายอายุสัมปทานทางด่วนอีก 15-30 ปี จะมีระยะเวลาในการสร้างรายได้นานขึ้น

TU BUY

  • เป้าหมาย 16.50 / 17.00 แนวรับ 15.50
  • ยกเลิกส่วนงาน Red lobster: จากการยกเลิกส่วนงาน Red lobster ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป จะไม่มีผลประกอบการขาดทุนจาก Red lobster ในงบการเงินของ TU ทำให้ Net profit margin ดีขึ้น นอกจากนี้ มอง TU จะได้ประโยชน์จากราคาทูน่าที่ปรับตัวลดลง โดยในเดือนม.ค.67 อยู่ที่ระดับ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน เปรียบเทียบกับ 4Q66 ที่ระดับ 1,517 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน
  • ได้ประโยชน์จากสกุลเงินท้องถิ่นอ่อนค่า: ปัจจุบันค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงมากแล้วประมาณ 5.6% นับตั้งแต่ต้นปี 2567 มาอยู่ที่บริเวณระดับ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออก สอดรับกับ TU ที่มียอดขายจากต่างประเทศคิดเป็น 88% ของยอดขายรวม ณ 9M66
- Advertisement -