บล.ฟิลลิป

ธนาคารกรุงเทพ – BBL

โตตามการเติบโตของประเทศ

Key Point

ตั้งเป้าสินเชื่อปี 67 เติบโต 3 – 5% โดยจะเป็นไปตามการลงทุนของธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อจากต่างประเทศ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอาจจะหดตัวลงจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง BBL อาจมีการตั้งสำรองลดลงในปีนี้ แต่ยังน่าจะเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่มได้ต่อ และแม้การตั้งสำรองอาจจะต่ำกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้ แต่ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรไว้ก่อน และยังคงราคาพื้นฐาน 166 บาท แนะนำ “ซื้อ”

ตั้งเป้าสินเชื่อโต 3 – 5%

ในปี 67 BBL ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 3 – 5% โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อต่างประเทศจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สินเชื่อเติบโต โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์จากการกลับมาลงทุนรวมไปถึงการไปลงทุนในต่างประเทศของบริษัทขนาดใหญ่ โดยจะได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากนี้สินเชื่อจากต่างประเทศยังน่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซียที่การเติบโตของเศรษฐกิจยังสูง

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอาจจะปรับลดลง

BBL คาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปี 67 อาจจะปรับลดลงอยู่ที่ประมาณ 2.8% จากปี 66 ที่ BBL มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อต่างประเทศที่ BBL จะเน้นปล่อยในปี 67 เป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าสินเชื่อประเภทอื่น นอกจากนี้ต้นทุนดอกเบี้ยอาจจะทยอยปรับขึ้นในช่วงที่ยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง และทาง BBL คาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในครึ่งปีหลังอาจจะทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อลดลงด้วย และส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลง

การตั้งสำรองจะลดลง

ถึงแม้ว่า BBL จะคาดว่า NPL ในปี 67 จะอยู่ในช่วงประมาณ 3% จากสิ้นปี 66 ที่มี NPL อยู่ 2.7% แต่ BBL จะมีการลดระดับการตั้งสำรองลงเหลือ 0.9 – 1% ของสินเชื่อรวมจากปีก่อนที่มีการตั้ง 1.3% ของสินเชื่อรวม แต่ยังน่าจะทำให้ BBL ยังคงเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่มต่อไปได้ โดย ณ สิ้นปี 66 BBL มีสัดส่วนนี้อยู่ถึง 287% จากค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่มีอยู่เพียง 164%

ยังคงประมาณการ และราคาพื้นฐาน

ถึงแม้ BBL อาจจะมีการปรับลดการตั้งสำรองในปีนี้ลงเหลือ 0.9 – 1% ของสินเชื่อรวม ซึ่งต่ำกว่าที่ทางฝ่ายคาดว่าจะมีการตั้ง 1.2% ของสินเชื่อรวม แต่เพื่อความ Conservative จึงยังคงประมาณการไว้ก่อน และคาดว่า BBL จะมีกำไร 45.5 พันลบ. เพิ่มขึ้น 9.4% y-y และคาดว่าจะมีการจ่ายปันผล 8.50 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 6% ส่วนปี 66 คาดว่าจะมีการจ่ายปันผล 2H66 อีก 5.75 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 4% หลังจากมีการจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 2 บาท/หุ้น ยังคงราคาพื้นฐาน 166 บาท และยังแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย
  2. ความเสี่ยงด้านเครดิต
  3. การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
- Advertisement -