บล.ฟิลลิป:
ADVANC: Ecosystem เพื่อต่อยอดสู่ New S-Curve
ซื้อ TP’67 : 252.00
ทางฝ่ายมองทางบริษัทมีความพยายามสร้าง New S-Curve เพื่อต่อยอดจากธุรกิจดั้งเดิมที่อิ่มตัว จากฐานลูกค้าที่มีมากกว่า 44.6 ล้านเลขหมาย เช่น IoT, 5G Enterprise, 5G Solution, CPaaS หรือ Cloud เป็นต้น แม้ว่าระยะสั้นจะมีต้นทุนด้าน TTTBB เข้ามากดดันอยู่บ้าง แต่ผลควบรวม TTTBB ทำให้บริษัทมีรายได้ส่วนของ Fixed Broadband เพิ่มจาก 6.5% สู่ 9.8% ของรายได้รวม ด้านราคาปุจจุบันถือว่าถูก เนื่องจากมี Upside สูงถึง 19% เมื่อเทียบราคาเป้าหมายที่ 252 บาท ทางฝ่ายจึงคงแนะนำ “ซื้อ” โดยบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 4.61 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 ก.พ. 67
- บ้านของ Ecosystem ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับต่อ New S-Curve: ในปี 2566 ที่ผ่านมา ADVANC ได้ NT เป็น Partner และได้ควบรวม TTTBB ทำให้ในแผนการเติบโตปี 2567 นี้ มีโอกาส Scale Up ธุรกิจจากการขยายการให้บริการทั้ง Cross Selling และ Up Selling โดยบริษัทได้มองการสร้าง Ecosystem ด้าน IT, Network, Data และ People ซึ่งทางบริษัทมี Infrastructure ที่แข็งแรง และ Ecosystem นี้ จะเชื่อมโยงการให้บริการแก่ทุกเสาธุรกิจ ได้แก่ 1) Mobile ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิม, 2) ฝุ่งรายได้จาก Fixed Broadband และ 3) รายได้จาก Enterprise Solution ซึ่งในข้อ 2) และ 3) ทางบริษัทตั้งเป้าการเติบโตปีนี้แบบ Double Digits สำหรับด้านต้นทุนแล้ว การรับรู้ขาดทุนจากฝั่ง TTTBB ทางบริษัทมองปีนี้อาจยังไม่พลิกมาเป็นบวกได้ ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนรวมอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม สำหรับค่าใช้จ่ายด้านค่าการตลาดมีแนวโน้มคลายตัวลง โดยบริษัทตั้งเพดานค่าใช้จ่ายด้านการตลาดปีนี้จะไม่เกิน 4% แต่ทางฝ่ายมองตัวเลขจริงอาจต่ำได้กว่านั้น เนื่องจากส่วนของธุรกิจหลักปัจจุบันมี Operator เพียงแค่ 2 ราย จึงไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าการตลาดสูงมาก ดั้งเช่นก่อน ซึ่งเทียบเคียงได้จากค่าใช้จ่ายด้านการตลาดปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่เหลือ Operator เพียง 2 ราย ตั้งแต่ต้นปี ตลอดปี 2566 นั้น ทาง ADAVNC มีค่าใช้จ่ายการตลาดเพียง 3.06% เมื่อเทียบรายได้รวม ซึ่งลดลงจากระดับ 3.79% ของรายได้รวมในปี 2565 สำหรับเป้าหมายปี 2567 ข้ออื่น ๆ ที่ทางบริษัทได้ตั้งเป้าไว้ ได้แก่ 1) ผู้ใช้งาน 5G Mobile 13 ล้านราย (+44%y-y) 2) Fixed Broadband สิ้นปี 67 แตะ 5 ล้านราย (+5%y-y) 3) รายได้จากกลุ่ม Enterprise เติบโตมากกว่า 10% และ 4) ตั้งเป้า CAPEX ราว 15% ของรายได้รวม เป็นต้น และสำหรับธุรกิจ Virtual Banking ปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ทั้งด้าน Partner และความชัดเจนจากทางภาครัฐ