รอบด้านตลาดหุ้น: จังหวะเก็งกำไรจากปัจจัยงบและปัจจัยเฉพาะตัว

สรุปภาพตลาดวานนี้

ดัชนีบวกเบาๆ วานนี้ แม้มีแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคาร BBL KTB SCB KBANK (ตามเทรนด์บอนด์ยีลด์ลง) แต่ก็เห็นแรงซื้อจากหลายกลุ่มใหญ่ เช่น DELTA คู่หู CPALL-CPAXT (หลังงบฯ ดี และมีข่างปรับโครงสร้าง) BJC MINT MTC BH PTTGC รวมทั้งหุ้นงบดีอย่าง ITC พา AAI ไปด้วยกัน และพบว่ามีหุ้นกลาง-เล็ก ที่อยู่ล่าง หายจากวงการไปนานกลับมาเด้งแรงเหมือนสัญญาณไม้แรก เช่น PTG W XO NRF

แนวโน้มตลาดวันนี้

ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคส่วนใหญ่วานนี้ หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงาน และยอดค้าปลีก ของสหรัฐฯ ต่ำกว่าที่คาดขณะที่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ค่อนข้างเห็นภาพชัดแล้วว่าตลาดหุ้นไทยหมุนมาเล่นเก็งกำไรจากปัจจัยหุ้นรายตัวมากกว่า โดยวานนี้ CPAXT ปรับตัวดีหลังงบฯ ออกมาดีกว่าคาด พร้อมมีการมุ่งหน้าปรับโครงสร้างภายในเพื่อ Lean ต้นทุน และหุ้น CPALL บวก พร้อมปริมาณซื้อขายติดอันดับไปด้วย รวมทั้ง ITC ที่งบฯ ออกมาดีกว่าคาดก็เด้งรับข่าวเช่นกัน ในขณะที่ด้านลบอย่าง BTS ก็ถูกเทขายต่อ หลังงบฯ ออกมาต่ำกว่าคาด แม้มีการปรับลงไปก่อนหน้าแล้วสำหรับผลการประชุมบอร์ดดิจิตอลวอลเล็ตวานนี้ ยังไม่มีข้อสรุป เช่นเดียวกับการประชุมบอร์ดควบคุมแอลกอฮอล์ ที่รอบอร์ดใหญ่พิจารณา 19 ก.พ.

ส่วนวันนี้อิทธิพลจากงบฯ หุ้นใหญ่น่าจะหนุนภาพรวมตลาดอย่าง PTT (กำไรสุทธิสูงกว่าตลาดคาด) GULF (ดีตามคาด) ส่วน DELTA (กำไรสุทธิออกมาไม่ผิดหวัง)

ดังนั้น ธีมการลงทุนในช่วงระยะสั้น ต้องเจาะจงเล่นประเด็นเป็นรายตัวไป โดยเฉพาะเก็งกำโรงบฯ 1) งบฯ น่าจะออกมาดีตามคาด และ/หรือดีกว่าคาด เช่น CBG แต่ราคาลงมารอข้างล่าง 2) กลุ่มที่เห็นโอกาสปรับเพิ่มกำไรก่อนรายงานงบฯ เช่น CPN ส่วนธีมในระยะกลาง 3 เดือนนี้ ยังคงมองการลงทุนกลุ่มหุ้นอิงฤดูร้อน ที่เจอ El Nino ร้อนกว่าปกติ เปิด Upside ต่อหุ้นเชื่อมโยง ทั้งกลุ่มเกษตรฯ เครื่องดื่ม และโรงไฟฟ้า (รายละเอียดตามรายงาน Thai Market Strategy วานนี้)

กลยุทธ์การลงทุน

ส่วนธีมลงทุน แนะเลือกหุ้นตาม Earnings play / หุ้นปันผล / ธีมการลงทุนจาก ปัจจัยหนุนการปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไร เช่น เอลนีโญ ทำอุณหภูมิประเทศไทยเฉลี่ยสูงขึ้น มีผลต่ออุตสาหกรรมเชื่อมโยง เช่น ความต้องการใช้ไฟฟ้าครัวเรือนเพิ่มขึ้น, ยอดขายสินค้าฤดูร้อนมีแนวโน้มจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยฤดูกาล เป็นต้น

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

  • ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคส่วนใหญ่วานนี้หนุนตลาดหุ้น เช่น ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงาน และยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ต่ำกว่าที่คาด (ติดลบ 0.8% vS. คาดลบ 0.3%) รวมทั้ง ปธ. เฟด ชิคาโก ที่สื่อสารว่าเงินเฟ้อที่ออกมาสูงกว่าคาด ไม่ได้กระทบเป้าหมาย โดยเฉพาะตัวเลข Core PCE ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ยังสอดคล้อง กับเป้าหมาย และยังให้มุมมองว่าการที่ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดนานเกินไป อาจจะไปกระทบกับระบบของการจ้างงานในระยะยาวด้วย // Bond Yields ร่วงวานนี้
  • เริ่มเห็นสัญญาณ งบไตรมาส 4/66 ดีขึ้น ดีกว่าคาด รวมถึงราคาหุ้นที่เริ่มบวกสะท้อนงบการเงินที่ดีขึ้น
  • การประชุมบอร์ด Digital Wallet งานนี้ ยังไม่เคาะมติเติมเงิน 10,000 บาท รอ ศึกษาข้อเสนอ ป.ป.ช. ที่เพิ่งเข้าบอร์ดก่อน กำหนดกรอบเวลา 30 วัน อย่างไรก็ตามไม่ได้บอกว่าจะทำให้ Timeline ล่าช้าออกไป หรือ โครงการจะเกิดได้หรือไม่ // ทั้งนี้กลุ่มค้าปลีกที่ไม่ได้ใส่ความหวังมามากอยู่แล้ว (ยังไม่เล่นประเด็นนี้)
  • การประชุม คกก. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วานนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการขยายระยะเวลาขายแอลกอฮอล์ แต่จะเสนอให้ คกก. นโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ (บอร์ดใหญ่) เป็นผู้พิจารณาแนวทางเพื่อตัดสินใจ วันที่ 19 ก.พ. โดยหลักๆ จะมี 2 ประเด็น คือ 1) ตัวเลขอุบัติเหตุจากแอลกอฮอล์เพิ่ม 2) ข้อติดขัดกับการแก้กฎหมายที่จำกัดเวลาการจำหนายและอำนาจในการแก้ไขกฎระเบียบ
  • BOI ต่ออายุบัตรส่งเสริมการลงทุนโครงการไฮสปิดเทรน 3 สนามบิน ครั้งสุดท้าย (ครั้งที่ 3) ให้ถึง 3 พ.ค. 67 เท่ากับว่าจะมีโอกาสเห็นการเร่งรัดข้อติดขัด ต่างๆ เพื่อเริ่มโครงการ บวกต่อรับเหมาฯ และนิคมฯ
  • มาตรการควบคุมการ Short Sell และ Program trade รวมทั้งที่จะช่วงส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน (เช่นล่าสุดที่กำหนดเปิดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพิ่ม)
  • MSCI Rebalance ทั้งในส่วนจีน (66 บริษัทถูกถอดออกจากดัชนี MSCI China Index และดัชนี MSCI All Country World Index) และไทย MSCI Thailand Standard index ถอดหุ้นออก BANPU BJC OSP

หุ้นแนะนำวันนี้วันนี้

  • CPN  คาดกำไร 4Q23 สูงกว่าประมาณการเดิม และที่ตลาดประเมินไว้หนุนโอกาสที่กำไรจะออกมาดีกว่าตลาดคาด และ/หรือเห็นการปรับเพิ่มกำไรจากตลาดในช่วงนี้ (S 63 R 66.5 SL 61)
  • CBG เก็งงบฯ 4Q23 ประกาศวันนี้จะออกมาอย่างน้อยดีตามที่คาดไว้ หนุนราคาหุ้นที่ย่อลงมา รีบาวน์จากกรอบล่างได้ แถมด้วยมีลุ้น Catalysts จากประชุมบอร์ดแอลกอฮอล์ใหญ่วันจันทร์ (S 73 R 78.5 SL 70.5)

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ

อัพเดตแนวโน้มพันธบัตรและค่าเงิน

“Highlight”

1 นับตั้งแต่ต้นปีนี้มา ประเด็นหลักที่มีผลต่อทิศทางราคาสินทรัพย์ต่างๆ มีอยู่ 2 เรื่องคือ คอมเม้นต์ของเฟด และตัวเลขเงินเฟ้อ ทั้งสองปัจจัยทำให้ตลาดลังเลเกี่ยวกับ timing การลดดอกเบี้ยของสหรัฐ

2 อย่างไรก็ตามหากเทียบกับปีที่แล้ว ตลาดหุ้นโลกดูเหมือนจะ sensitive ต่อเรื่องนี้ลดลง ต่างจากตลาดพันธบัตรยัง sensitive อยู่ เห็นได้จากการที่ US 10Y Bond ได้เผชิญแรงขายจนทำให้ yield ปรับตัวขึ้นจาก 3.8% สู่ 4.3% ในช่วงสอง สัปดาห์ที่ผ่านมา

3 นอกจากนี้ในตลาด FX ก็เกิดแรงเทขายเช่นกัน เห็นได้จากการที่สกุลเงินส่วนใหญ่อ่อนค่าลงเทียบกับ USD

4 ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อ cross-asset movement ในช่วงที่เหลือของเดือน ก.พ. ได้แก่ (1) ตัวเลข US Producer Price Inflation ซึ่งจะประกาศคืน นี้ (2) FOMC Minutes ในคืนวันที่ 21 ก.พ. และ (3) ตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ในวันที่ 29 ก.พ. โดยทั้งสามประเด็นล้วนมีผลต่อการตีความของตลาดเรื่องแนวโน้มดอกเบี้ยในปีนี้

“Outlook”

1 แม้ว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับเงินเฟ้อและมุมมองของเฟด ยังอาจจะทำให้สินทรัพย์ต่างๆ ผันผวนในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดพันธบัตรและค่าเงินแต่เราประเมินว่านักลงทุนได้ digest และ fine tune ความคาดหวังของเรื่องพวกนี้ไปแล้ว ทั้งในแง่ของช่วงเวลาของการลดดอกเบี้ยครั้งแรก และจำนวนครั้งของการลดดอกเบี้ยในปีนี้ เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงใน CME FedWatch Tool และ ตัวเลข Implied Overnight Rate & Number of Cuts ที่ลดลงจาก 6 ครั้งในต้นเดือน ม.ค. เหลือ 4 ครั้งในปัจจุบัน

2 เรามองว่า Reward to Risk Ratio ของพันธบัตรระยะยาวสหรัฐ ณ ตอนนี้คุ้มค่ากับความเสี่ยง เพราะคาดว่า US 10Y Treasury จะมีอัพไซด์ไม่เกินโซน 4.3%-4.4% (ซึ่งวันอังคาร-พุธที่ผ่านมาเห็นสัญญาณ reversal ค่อนข้างชัดเจนหลังจาก yield ขึ้นไปแตะ 4.34%) ในขณะที่เป้าหมายของในปีนี้เราประเมินว่า yield จะปรับตัวลงมาแตะ 3.5% (yield ลดลง = ราคาปรับตัวขึ้น) จึงแนะนำให้ใช้จังหวะ นี้ในการซื้อสะสมกองทุนพันธบัตรเพื่อสร้างโอกาสจาก capital gain 3 ส่วนภาพของค่าเงิน เราก็มองว่าได้ price in การปรับความคาดหวังของตลาดเรื่องแนวโน้มดอกเบี้ยไปมากแล้วเช่นกัน สังเกตได้จาก เมื่อวานนี้หลังจาก Dollar Index เข้าใกล้ 105 จุด ก็เริ่มเห็นแรงขาย

เรายังคงประมาณการเดิมว่า การเคลื่อนไหวของ Dollar Index ในปีนี้โดยส่วนใหญ่จะเป็น range bound ในกรอบ base case 100-105 จุด และคาดว่าจะกลับ ทิศมาอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จาก (1) การรีบาวด์ของ Global Manufacturing Activities ซึ่งจะทำให้การส่งออกของหลายๆประเทศฟื้นตัว และ (2) ธีมการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้แม้จะล่าช้าออกไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หายไปไหนโดยการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดจะทำให้ USD อ่อนค่าลง

หมายเหตุ: ในกรณีที่มีปัจจัยอื่นเข้ามากระทบนอกเหนือจากประเด็นที่กล่าวไปข้างต้น ก็อาจทำให้ Dollar Index เบี่ยงเบนจากกรอบ base case ข้างต้นได้บ้างแต่คงไม่มากและน่าจะเป็นแค่ชั่วคราวคล้ายกับปีที่แล้ว โดย Best Case ของการแข็งค่าไม่น่าเกิน 108 จุด ส่วน Worst Case ของการอ่อนค่าไม่น่าหลุด 97 จุด

GLOBAL INVESTING BRIEF: แนะซื้อ Home Depot ลุ้นงบดี คาดหุ้นฮ่องกงยังผันผวนสูง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

  • เมื่อคืนนี้ 3 ดัชนีหลักบวกต่อตามคาดราว 0.3-0.6% โดย S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่ หนุนโดย Tesla (TSLA.US) +6.2% Airbnb (ABNB.US) +6.4% และ Netflix (NFLX.US) +2.4% แม้ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.7%YoY ในเดือน ม.ค. 67 ชะลอลงจาก 5.3%YoY ในเดือนก่อน แต่สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มพักความร้อนแรง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ Fed ผ่อนคลายมากขึ้น
  • คืนนี้ คาดตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งขึ้นต่อ นำโดยกลุ่มเทคฯ หลังคาดมีแรงหนุนจากการที่ประธาน Fed สาขาชิคาโกเผยว่าเป้าหมายที่จะทำให้เงินกลับสู่เป้าหมาย 2% ยังมีความเป็นไปได้ สร้างความเชื่อมั่นต่อนโยบายการที่ผ่อนคลาย อีกทั้ง Alphabet (GOOGLUS) ได้เปิดบริการตรวจสอบความปลอดภัยด้านไซเบอร์ให้ทดลองใช้งานฟรี และมีแผนที่จะลงทุนในส่วนธุรกิจนี้เพิ่มเติม คาดเป็นปัจจัยหนุนรายได้ธุรกิจคลาวด์ (สัดส่วน 11%) ให้โต 25%YoY ในปี 67
  • ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะหยุดทำการในวันที่ 19 ก.พ. 67 เนื่องในวันประธานาธิบดี (President’s Day)

ตลาดหุ้นฮ่องกง

  • วานนี้ดัชนี Hang Seng เปิดตลาดลบราว 0.4% แต่ก็พลึกกลับมาปิดบวกได้ 0.4% เช่นเดียวกับเมื่อวันพุธ นำโดยหุ้นอิงการบริโภค JD.com (9618.HK) +2.4% และ Anta Sports (2020.HK) +1.9%
  • คาดตลาดหุ้นฮ่องกงยังเคลื่อนไหวผันผวนสูง มีโอกาสเห็นดัชนีพลิกบวกลบได้ในระหว่างวัน อย่างไรก็ดี ด้วยมูลค่าหุ้นฮ่องกงที่ยัง อยู่ในระดับที่ต่ำมาก เราเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด downside ของตลาดไว้ได้ โดยวันนี้เรามองว่าหุ้นกลุ่มประกัน Ping An (2318.HK) จะมีทิศทางดีกว่าตลาด หลังธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ให้คำมันว่าจะปรับปรุงบริการทางการเงิน รวมถึงนโยบายทางการเงินให้มีความทันสมัยและยืดหยุ่นขึ้น เราจึงมองเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของจีน

ตลาดหุ้นเวียดนาม

  • ดัชนี VN ปรับขึ้นราว 0.3% โดยหุ้น Sabeco (SAB.VN) ที่เราแนะซื้อเมื่อวานนี้ปรับขึ้น 1% ดีกว่าตลาด ตามที่เราคาดการณ์หลังคาดว่าหุ้นจะได้รับ sentiment บวกจากการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษญวณ
  • เรามองว่าหุ้นเวียดนามยังคงอยู่ในทิศทางของการแกว่งตัวขึ้น นำโดยหุ้นอิงการบริโภคต่อเนื่อง หลังเป็นหุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายลด VAT และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว แต่เรามองว่าราคาหุ้นกลับยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าวเท่าที่ควร ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ยังมีมูลค่าที่ไม่แพง โดย Sabeco (SAB.VN] ยังมี P/E 12 เดื่อนข้างหน้าอยู่ที่เพียง 17.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 23 เท่า ราว 1 s.d.
- Advertisement -