บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
I-TAIL CORPORATION (ITC TB)
อาหารสัตว์เลี้ยงราคาย่อมเยา ยังขายได้ดี
- บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2024 โต 15% y-y หลังจบ Destocking ลูกค้า US, EU ส่วนการฟื้นของสินค้า Premium ยังท้าทาย ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก
- ปรับลดกำไรเพื่อสะท้อนมุมมองระมัดระวัง ยังแนะนำซื้อ ด้วยเป้าใหม่ 27 บาท
มองผ่านกำไรต่ำสุดในปี 2023
กำไรสุทธิ 4Q23 เท่ากับ 767 ลบ. (+19% q-q, +13.5% y-y) หากไม่รวม FX loss 46 ลบ. จะมีกำไรปกติ 812 ลบ. (+24% q-q, -13.7% y-y) สูงสุดในรอบ 4 ไตรมาส มาจากลูกค้า US และ EU ยัง Restocking ต่อเนื่องจาก 3Q23 ส่วน China และ Japan ปรับลง q-q ตามฤดูกาล และพื้นตัวได้ทั้งอาหารแมว สุนัข และขนมสัตว์เลี้ยง ด้วยผลของการปรับขึ้นราคาขาย, U rate สูงขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบเริ่มปรับลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นเป็น 22% +80 bps q-q แต่สัดส่วนสินค้า Premium ยังไม่ฟื้นนัก จบปี 2023 สัดส่วนอยู่ที่ 43.2% ลดลงจาก 49.3% ในปี 2022 จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ตั้งเป้ากลับมาโตในปี 2024 ทั้งรายได้และมาร์จิ้น
ประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ (16 กพ.) ผู้บริหารเปิดเผยเป้ารายได้ปี 2024 จะกลับมาโต 15% y-y และตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น 21-22% จาก 19.5% ใน 2023 แม้อาจมีการปรับลดราคาขายลงราว 0.5%-1% ตามต้นทุนปลาทูน่าและไก่ที่ปรับลง และจะเริ่มรับรู้ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นไตรมาสละ 60 ลบ. (1.4% ของรายได้รวม) จากการเริ่ม Operate สายการผลิตใหม่ใน 2024 เป็นต้นไป แต่อาจถูกหักล้างได้ทั้งหมดด้วย Urate ที่กลับมาฟื้นตัว, ต้นทุนวัตถุดิบลดลง (ผู้บริหารมองราคาปลาทูน่าจะ -7% y-y) และการทำ Cost saving ต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหา Red Sea ยังกระทบจำกัด แม้ใช้เวลาส่งของไป EU นานขึ้น แต่ลูกค้ายังบริหารได้ (เช่น สั่งสินค้ามากขึ้น) และลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าขนส่ง
ปรับลดกำไร จากเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเสี่ยง
กลยุทธ์ปี 2024 จะเน้นขยายฐานลูกค้า Private label (กลุ่ม retailer) และกำลังขยายลูกค้า Goal brand Top 5 ของโลก (ปัจจุ่น 4 รายแรกเป็นลูกค้าของ ITC หมดแล้ว) โดยตั้งเป้าฟื้นสัดส่วนสินค้า Premium กลับขึ้นมาเป็น 48% จาก 43.2% ในปี 2023 เรามองว่าเป็นเป้าที่ท้าทาย ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่สดใส ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยง แต่ได้พิจารณาเปลี่ยนเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง Mid-priced หรืออาจลดไปถึงกลุ่ม Economy มากขึ้น ดังนั้นเราจึงปรับลดกำไรสุทธิปี 2024-25 ลง 9-11% แต่ยังกลับมาโต 41% y-y และ 15% y-y ตามลำดับ โดยปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นให้ใกล้เคียงเป้าบริษัท และมีมุมมองระมัดระวังต่อการฟื้นตัวของสินค้า Premium มากขึ้น
ปรับลดราคาเป้าหมาย แต่ยังแนะนำซื้อลงทุน
เราปรับลดเป้าปี 2024 ลงเป็น 27 บาท จาก 30 บาท (อิง PE เดิม 25x) โดยคาดรายได้ 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 11% CAGR สูงกว่าคาดการณ์มูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลก ที่คาดโตเฉลี่ย 6% CAGR เพราะมองว่า ITC มีจุดแข็งอยู่ที่การมีต้นทุนที่ถูกกว่าคู่แข่งและมีลูกค้า Global brand อยู่ใน portfolio หลายราย บริษัทประกาศจ่ายปั้นผลงวด 2H23 หุ้นละ 0.35 บาท คิดเป็น Yield 1.8% คงคำแนะนำ ซื้อ
Investment thesis
ITC ถือเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี่ยงชั้นนำของโลก โดยมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและนวัตกรรม ส่วนหนึ่งได้ผลบวกจากบริษัทแม่คือ Thai Union Group (TU TB) ซึ่งเป็นบริษัทแปรรูปปลาทูน่ารายใหญ่ระดับโลก กอปรกับประสบการณ์ของทีมผู้บริหารโดยเฉลี่ยมากกว่า 20 ปี ทำให้ ITC สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่เปลี่ยนแปลง และรักษาความสัมพันธ์กับแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลกได้ และด้วยกระแสรักและการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่มากขึ้น คาดช่วยหนุนมูลค่าอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในปี 2024 บริษัทมีการขยายกำลังการเพิ่มขึ้นราว 17-18% เพื่อรองรับการเติบโตของอาหารสัตว์เลี้ยง ควบคู่กับการพัฒนาสินค้าใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
Company profile
ITC ถือเป็นหนึ่งใน 10 บริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำของโลก เมื่อพิจารณาตามรายได้ และถือเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย โดย ITC ถือเป็นหน่วยงานของ Global Pet Care ของ TU ซึ่งดำเนินผลิตธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ปี 1977 ปัจจุบันมีโรงงานผลิต 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่สมุทรสาคร และสงขลา และมีการจำหน่ายสินค้ากระจายไปหลายประเทศทั่วโลก โดยในปี 2023 มีสัดส่วนรายได้ไปสหรัฐ 50.3% ของรายได้รวม รองมาคือ เอเชีย,โอเชียเนีย และอื่นๆ 37.1% และยุโรป 12.6% ตามลำดับ
Catalysts
ปัจจัยหนุนการเติบโตในปี 2024-25 คือ 1) รายได้เติบโตจากทั้งลูกค้าเดิมทีโตตามอุตสาหกรรม และลูกค้าใหม่ 2) การขยายกำลังการผลิต 3) ต้นทุนวัตถุดิบปรับลดลง
Risks to our call
ความเสี่ยง 1) กำลังซื้อพื้นตัวช้ากว่าคาด 2) ราคาวัตถุดิบผันผวนมากกว่าคาด 3) ค่าเงินแข็งค่ามากกว่าคาด 4) แรงงานขาดแคลน