บล.บัวหลวง:

Bangkok Bank (BBL TB /BBL.BK)

BBL – บริหารเงินทุนเพื่อให้ ROE สูงกว่า 10%

เราได้จัดรับประทานอาหารกลางวันกับผู้บริหารระดับสูงของ BBL เมื่อวันที่ 16 ก.พ. นำโดย คุณชาติศิริ โสภณ พนิช กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ทางธนาคารตั้งเป้าหมาย ROE สูงกว่า 10% ภายในปี 2569-71 ขณะที่แนวโน้มข้อมูลทางการเงินในปี 2567 ทำให้เรามั่นใจต่อประมาณการกำไรสุทธิว่าจะเป็นไปได้ตามที่เราคาด

#1 BBL จะทำ ROE ให้เกิน 10% ได้อย่างไร?

คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า BBL ตั้งเป้าหมาย ROE ไว้ที่ 10% หรือมากกว่าภายในปี 2569-71 ซึ่งคิดเป็นการเติบโตสะสมเฉลี่ยของกำไรสุทธิที่ 8-14% นอกเหนือจากการเติบโตของกำไร ธนาคารยังวางแผนที่จะใช้การจัดการเงินทุนเพื่อเพิ่ม ROE ด้วย โดยอัตราส่วนเงินกองทุนของ BBL อยู่ที่ 19.6% ณ สิ้นปี 2566 ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำของธปท.ที่ 12% มาก ดังนั้น ธนาคารจึงกำลังพิจารณาเพิ่มอัตราการจ่ายเงิน ปันผล (อัตราการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยสำหรับปี 2553-2562 อยู่ที่ 37% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2563-2565 ที่ 27%) จากการคาดการณ์กำไรปี 2567 ของเรา หาก BBL กลับมาจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 37% อัตราผลตอบแทนจากเงิน ปันผลจะเพิ่มขึ้นเป็นราว 6% ในปีนี้ที่ราคาหุ้นปัจจุบัน

#2 ธนาคารมีความกังวลต่อความคุณภาพของลูกค้าหรือไม่?

คุณสุมัธยา ผลวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินของ BBL ในปี 2567 โดยเป้าหมายอัตราส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อรวมปี 2567อยู่ที่ 3.0% (เพิ่มขึ้นจาก 2.7% ในปี 2566) คุณชาติศิริ โสภณพนิชกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณของความกังวลในกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ โดยเชื่อว่าบริษัทหลายแห่งที่เลื่อนการจ่ายเงินที่ครบกำหนดให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ เป็นผลมาจากปัญหาสภาพคล่องในระยะสั้น ซึ่งจะคลี่คลายลงเมื่อภาครัฐผ่านงบประมาณปีงบประมาณ 2567 ในไตรมาส 2/67 (ปีงบประมาณ 2567 เริ่ม วันที่ 1 ต.ค. 2566 จนกว่างบประมาณจะผ่าน งานของหน่วยงานรัฐส่วนใหญ่และการใช้จ่ายในการลงทุนใหม่จะยังคงชะลออยู่ ส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ทำธุรกิจกับหน่วยงานของรัฐ)

ธนาคารตั้งเป้าหมายอัตราการตั้งสำรองในปี 2567 อยู่ที่ 0.9-1.0% ลดลงอย่างมากจาก 1.26% ในปี 2566 (และต่ำกว่าสมมติฐานเชิงอนุรักษ์นิยมของเราที่ 1.25%] ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารเชื่อว่าคุณภาพสินทรัพย์จะยังคงดีในปีนี้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของ BBL อยู่ที่ 314.7% ณ สิ้นปี 2566 ซึ่งสูงที่สุดในบรรดากลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ ซึ่งเราเชื่อว่าสามารถเป็นกันชนที่ดีในสภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่แน่นอน

#3 การเติบโตของสินเชื่อจะเร่งตัวเมื่อไหร่

เป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 อยู่ที่ 3-5% YoY เท่ากับ 1-1.5 เท่าของประมาณการการเติบโตของ GDP ประเทศไทยของ BBL ที่ 3% เมื่อแยกตามกลุ่มธุรกิจธนาคาร คาดว่าสินเชื่อองค์กรจะเติบโต 3-5% YoY สินเชื่อต่างประเทศโต 3-5% YoY สินเชื่อส่วนบุคคลโต 3-5% YoY และสินเชื่อธุรกิจ SME โต 2% YoY ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมของเราในปี 2567 ที่ 4% เราคาดว่าความต้องการสินเชื่อจะมากขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 ซึ่งนำโดยการขอเงินทุนหมุนเวียนและเงินโครงการที่เพิ่มขึ้นจากการที่รัฐบาลผ่านงบประมาณปี 2567 ส่งผลให้การลงทุนของหน่วยงานของรัฐที่วางแผนไว้จำนวนมากเปิดประมูลได้ในที่สุด

#4 BBL จะคว้าโอกาสการเติบโตในต่างประเทศอย่างไร?

คุณซอง โท กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ คาดว่า BBL จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค เนื่องจากจะใช้เครือข่ายในการหาลูกค้าใหม่และขยายธุรกิจกับลูกค้าปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย (ผ่านธนาคารเพอร์มาตา) และเวียดนาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาด GDP ปี 2567 เติบโตอยู่ที่ 5% สำหรับประเทศอินโดนีเซียและ 5.8% สำหรับประเทศเวียดนาม (อัตราการเติบโตทั้งสองประเทศเร็วกว่าคาดการณ์การเติบโต GDP ของประเทศไทยที่ 3.4% ของ BLS อย่างมาก) เนื่องจากทั้งสองประเทศกำลังลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆและ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)จำนวนมากไหลเข้ามามาก นอกจากนี้ BBL คาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่าย/รายได้ของธนาคารเพอร์มาตาจะลดลงในปีนี้ หนุนจากการลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในปี 2567

#5 แนวโน้ม NIM ของ BBL ในปี 2567 เป็นอย่างไร?

คุณสุมัธยา ผลวัฒนะ กล่าวว่าเป้าหมาย NIM ปี 2567 ของ BBL อยู่ที่ 2.8% ลดลง 10bps YoY (และต่ำกว่าสมมติฐานของเราที่ 3.05%) เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น (เมื่อเงินฝากประจำระยะยาวครบกำหนด ลูกค้าจะลงทุนในเงินฝากประจำใหม่ที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น) BBL ยังเชื่อว่า ธปท. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25-50bps ในครึ่งหลังของปี 2567 ซึ่งอาจกระทบอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ MLR บ้าง (BBL รายงานเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ ณ สิ้นปี 2566 : อัตราส่วนเงินทุนเงินฝากระยะยาวที่ 62:38) เราเชื่อว่า NIM ของ BBL ถึงจุดสูงสุดแล้วในไตรมาส 4/66 และน่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดครึ่งแรกของปี 2567 ก่อนจะลดลงเล็กน้อยในครึ่งหลังของปี 2567

- Advertisement -