TOP – ประเด็นสำคัญที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์

• What’s new

เรามองบวกเล็กน้อยกับการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้

บริษัทตั้งเป้าจะลดสัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเลียมจาก 73% (เฉลี่ยระหว่างปี 2018- 2023) เหลือ 45% ภายในปี 2030 ด้วยการ i) เพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมี จาก 11% (เฉลี่ยระหว่างปี 2018-2023) เป็น 30% จากการเน้นขยายกำลังการผลิตของ polyolefins จากการลงทุนใน CAP ii) เพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจที่มีมูลค่าสูง และ S-curve ตัวใหม่เป็น 20% โดย TOP คาดว่าจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตในสาย Aromatics

• Analysis

คาดว่า crack spread ของน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลจะยังสูงในปี 2024

เราคาดว่า crack spread ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลในปี 2024 จะยังสูง โดยใน 1QTD เพิ่มขึ้นมาแล้วถึง 47% และ 5% qoq ตามลำดับ ทั้งนี้ crack spread ของน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการหยุดการผลิตนอกแผนเพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นเฉียบพลันในสหรัฐ และภาวะอุปสงค์ในช่วงหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึง ส่วน crack spread ของน้ำมันดีเซลน่าจะยังสูงต่อเนื่อง เพราะสต็อกน้ำมันดีเซลยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยห้าปีย้อนหลัง ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันเครื่องบินยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ระดับก่อน COVID ระบาด

Olefins: spread ของ HDPE จะดีขึ้น แต่ของ PP ยังถูกกดดันอยู่

spread ของ HDPE น่าจะดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2024 เพราะกำลังการผลิตใหม่ลดลง (1.3MTA) ใกล้เคียงกับอุปสงค์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2MTA ในขณะที่ spread ของ PP ยังถูกกดดันจากกำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น 6.2MTA ในปี 2024 จาก 5.7MTA ใน ปี 2023 อย่างไรก็ตาม รายได้ equity income จาก CAP จะยังไม่ถูกกระทบเต็มที่จากวัฏจักรขาลง เพราะบริษัทมีการกระจายธุรกิจไปยังสาธารณูปโภค และปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

Aromatics: แนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะ PX

PX มีแนวโน้มดีขึ้นในปี 2024 เนื่องจากอุปทานใหม่ลดลง และอุปสงค์เพิ่มขึ้น เราคาดว่ากำลังการผลิตใหม่ของ BZ ในปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 1.7MTA จาก 3.1MTA ในปี 2023 แต่ยังคงมากกว่าการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์อยู่ดี

• Action/ Implication

ราคาเป้าหมายตาม Bloomberg consensus อยู่ที่ 64.45 บาท

ราคาหุ้นในปัจจุบันคิดเป็น P/BV ปี FY24F ที่ 0.74x และปี FY25F ที่ 0.68x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว -1.5S.D. ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้อยู่ที่ 4.7% และปีหน้าอยู่ที่ 6.6%