วันนี้คาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,390 / 1,385 แนวต้าน 1,404 / 1,414
เรายังมองปัจจัยภายนอกยังรอติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอาทิ GDP 4Q’66 ของสหรัฐและตัวเลข PCE ในวันนี้-พรุ่งนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นพยายามทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อที่ประชุม ครม. มีมติรับทราบการเลื่อนวันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี” 67 เร็วขึ้น คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและรับเหมา-ก่อสร้างปรับตัวขึ้นได้
Our View? “Fall back to go up.”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,390 / 1,385 และแนวต้านที่บริเวณ 1,404 / 1,414 เมื่อคืนนี้การรายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Order) เดือน ม.ค. ออกมา -6.1% หดตัวมากกว่าที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตลาดจะให้น้ำหนักไปกับการติดตามการรายงานตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP 4Q66 สหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้ คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ 3.3% สะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง รวมทั้งการรายงานตัวเลขดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ม.ค.ในคืนวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟือที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ให้ความสนใจ คาดจะออกมา +0.3%MoM/+2.4%YoY เพิ่มขึ้น MoM แต่ลดลง YoY ทั้งนี้เรายังคงมองว่า FED มีแนวโน้มจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปและอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในช่วง 2-3Q’67 นี้ ซึ่งเรามองตลาด Price-In ประเด็นดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว ทำให้การเคลื่อนไหวของทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงค่อนข้างจำกัด
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. เมื่อคืนนี้พยายามขึ้นทดสอบแนวต้านที่จุดสูงสุดก่อนหน้าปิดที่ระดับ 78.87 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.29 ดอลลาร์ (+1.66%) โดยได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ OPEC+ จะขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปหลัง 1Q’67 ประคองราคาน้ำมัน อีกทั้งความไม่สงบในทะเลแดงหลังกลุ่มฮูตีประกาศจะปิดช่องแคบบับเอลมันเดบ ซึ่งอาจส่งผลให้การค้าโลกและการขนส่งน้ำมัน คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้ต่อ
สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่เมื่อวานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับวันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 เร็วขึ้นเป็นวันที่ 20-21 มี.ค. จากเดิม 3-4 เม.ย. เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป ซึ่งอาจส่งผลให้แนวโน้มในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-การออกโครงการใหม่ของภาครัฐออกมาได้ในระยะถัดไปคาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT และ CRC) และหุ้นในกลุ่มรับเหมา-ก่อสร้าง (CK, STEC, UNIQ และ SEAFCO) ปรับตัวขึ้นได้
ขณะที่เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการที่ ตลท. มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อที่จะยกระดับการกำกับดูแลการขายชอร์ต (Short selling / Program trade) อาทิ 1.) ปรับเพิ่ม Market cap ขั้นต่ำเป็น 7.5 พันล้านบาทในการ Short selling 2.) เพิ่มข้อกำหนด Monthly turnover > 2% 3.) ห้ามโยนขาย Short หากราคาหุ้นปรับตัวลงมากกว่า 10% 4.) กำหนด Daily Limit และเปิดเผย Outstanding 5.) เพิ่มมาตรการ Dynamic price band 6.) เพิ่ม Order screening 7.) ให้นักลงทุนแบบ HFT ต้องขึ้นทะเบียน 8.) กำหนดให้ NVDR ต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ถือ NVDR ตั้งแต่ 0.5% แต่ไม่น้อยกว่า 10 ราย เราคาดจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาดได้บ้างไม่มากก็น้อย และคาดจะส่งผลให้ความผันผวนของตลาดในระยะถัดไปลดลงบ้าง มองเป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside ของตลาดได้
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “NETBAY”
- คาดราคาจะได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ผลประกอบการในช่วงปี 67 เติบโตต่อเนื่องจากโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้นหลังเป็นพันธมิตรกับ DITTO ซึ่งจะส่งผลให้ Cross-Selling ได้ อีกทั้งยังสามารถรุกตลาดองค์กรท้องถิ่นคาดจะหนุนรายได้-กำไรปรับตัวขึ้นต่อ เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคา NETBAY
- ทางเทคนิค ราคายืนเหนือจุดต่ำสุดก่อนหน้าและ EMA75 วันได้ดีดตัวขึ้น Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลงระยะสั้นขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD วกตัวขึ้น พร้อม SSTO ให้สัญญาณซื้อ
- แนะนำ “ซื้อเล่นรอบ” แนวรับ 23.70 / 23.40 Target 26.00 / 30.00 Stop < 23.30