ECF ประกาศงบปี 2566 รายได้รวม 1,417.53 ล้านบาท เติบโตดีต่อเนื่องจากการขายในประเทศ
ECF เผยผลประกอบการปี 2566 รายได้รวม 1,417.53 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยที่ 3.08% จากการส่งออกที่ลดลง ขณะที่รายได้ขายในประเทศส่งสัญญาณการฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่อง มองแนวโน้มธุรกิจปี 2567 สัญญาณดี
นายพชรฐณพงษ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดไม้เอ็มดีเอฟแบบประกอบด้วยตนเอง เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมทุกกลุ่มธุรกิจอยู่ที่ 1,417.53 ล้านบาท ลดลง 45.06 ล้านบาท หรือ 3.08% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,462.59 ล้านบาท ทั้งนี้การเติบโตของรายได้ขายเริ่มเห็นทิศทางการเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
สำหรับสัดส่วนต้นทุนขาย ต้นทุนในการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และต้นทุนทางการเงินยังคงเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยขาขึ้นในขณะนี้ ผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการตั้งค่าเผื่อด้อยค่าต่าง ๆ ตามมาตรฐานบัญชีที่เกิดขึ้น จากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับรอบปี 2566 บริษัทฯ มีผลขาดทุนส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 144.46 ล้านบาท
ซึ่งจากผลการดำเนินงานที่ลดลงในรอบปีที่ผ่านมา ในแง่ของต้นทุนและค่าใช้จ่ายภายในบริษัทฯ ทางฝ่ายจัดการมีแนวทาง ได้แก่ การกำหนดนโยบายเพิ่มยอดขาย และควบคุมค่าใช้จ่าย โดยคงไว้ซึ่งคุณภาพมาตรฐานของสินค้า และการสร้างกำไรอย่างยั่งยืน ผ่านการสร้างทีม Product Focus เน้นที่การบริหารจัดการต้นทุนทั้งในส่วนของวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ต้นทุนการผลิตอื่น ๆ และการควบคุมงบประมาณ การให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความรู้ ความสามารถของบุคลากร และวางแผนงานให้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถได้ปฏิบัติงานถูกต้องตรงตามความสามารถที่มี พร้อมกำหนดเป้าหมาย และสร้างแรงจูงใจ รวมถึงสร้างระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน และการกำหนดค่าตอบแทนที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการด้านพลังงาน เศษวัสดุ และของเสีย ในกระบวนการผลิตให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วางแผนบริหารจัดการต้นทุนด้านการเงินและพิจารณาถึงความเสี่ยงด้านต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในขณะนี้ การพิจารณาอย่างรอบคอบและระมัดระวังสำหรับนโยบายการลงทุนหรือขยายโครงการใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในรอบปี 2567 นี้
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าระหว่างการส่งออกและจำหน่ายภายในประเทศอยู่ที่ 40% และ 60% ตามลำดับ ซึ่งขณะนี้ทิศทางการเติบโตที่สำคัญเกิดจากยอดขายในประเทศ อย่างไรก็ตามในส่วนของการส่งออกค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง จากกลุ่มลูกค้าใหม่ในฟิลิปปินส์ และตะวันออกกลาง รวมถึงบริษัทร่วมทุนกับจีนซึ่งเริ่มได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในกลุ่มยุโรปเพิ่มขึ้นแล้ว
นายพชรฐณพงษ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2567 บริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโต พร้อมเพิ่มความสามารถการทำกำไรจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตรองรับออเดอร์ บริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจะมาจากการขยายตลาดของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน คาดว่าจะเริ่มเห็นสัดส่วนกำไรสุทธิค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากการรับรู้รายได้เพิ่ม และบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-12%