Daily Focus: Selective Play // Hold after Accumulated

2024 SET Target : 1470 

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index รีบาวด์ขึ้นได้แข็งแรงหลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 7 วันทำการ โดยดัชนีปิดบวกได้ 11.29 จุด ที่ระดับ 1,370.55 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายทรงตัวราว 4.1 หมื่นลบ. หนุนโดยหุ้นขนาดใหญ่อย่าง BDMS DELTA เป็นต้น สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 595 ลบ.และ 1.8 พันลบ. ตามลำดับ (และพลิกมา Long Index Futures 2.75 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากดีดตัวจากแนวรับ Low เดิมที่ 1,350+- จุดได้อย่างแข็งแกร่ง โดยระยะสั้นมีโอกาสทดสอบ 1,380 จุด บรรยากาศการลงทุนโดยรวมค่อนข้างเป็นบวกหลังการแถลงของประธาน FED ต่อสภาคองเกรสวันแรกออกมาไม่ได้มี Surprise ในเชิงลบ โดยยังคง Message เดิมคือ FED มองว่าปัจจุบันยังไม่น่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ แต่คาดว่าการปรับลดจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งของปีนี้เมื่อเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน ส่วนอีกปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอติดตามในคืนพรุ่งนี้คือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.พ. หากออกมาชะลอลงตามคาดจะหนุนความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของ FED อย่างต่อเนื่อง เราเชื่อว่าดัชนีมีโอกาสที่จะทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากทั้งเศรษฐกิจไทยและกำไรบจ.ที่จะเร่งตัวใน 2024 รวมถึงพัฒนาการเชิงบวกของงบประมาณประจำปี 2567 ที่คาดว่าจะผ่านสภาฯได้ และประกาศใช้ต้นเดือน เม.ย. หนุนความเชื่อมั่นและทำให้ภาคการลงทุนเร่งตัวทำให้โมเมนตัมเศรษฐกิจไทยใน 2024 เป็นต้นไปดูสดใสมากขึ้น

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด

หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : SHR

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4 บาท
  • เราคาดแนวโน้มกำไร 1Q24 จะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องหลังพลิกมีกำไรได้ตั้งแต่ 4Q23 โดยมีแรงหนุนจากโรงแรมในมัลดีฟท์ที่ฟื้น การเปิดดำเนินงานเต็มที่หลังปรับปรุงของโรงแรม Saii ภูเก็ตและพีพี รวมถึงโรงแรมในมอริเชียสที่กลับมาเปิดหลังปรับปรุงระบบน้ำในปีก่อน
  • ภาพรวมปี 2024 คาดมีกำไรเร่งก้าวกระโดดที่ 307 ลบ. จากปี 2023 ที่เริ่มพลิกมีกำไรได้ 80 ลบ. ด้าน Valuation ยังถูก เทรด PBV เพียง 0.6 เท่า ถูกที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยว
  • แนวรับ 2.34-2.30//2.20 บาท แนวต้าน 2.60//2.80 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนผสมผสาน สุทธิแล้วไหลออก US$252 ล้าน โดยเม็ดเงินไหลออกกระจุกตัวที่เกาหลีใต้ US$285 ล้าน ส่วนไต้หวันทรงตัว ด้านอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าไทย US$52 ล้าน และทรงตัวในตลาดอื่นๆ แนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้คาดว่ามีโอกาสพลิกมาไหลเข้าหลังการแถลงต่อสภาฯของประธาน FED ไม่ได้มีข้อมูลใหม่ที่ Surprise ในทางลบ โดยมองว่าการลดดอกเบี้ย น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้เมื่อคณะกรรมการมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงสู่ 2% อย่างยั่งยืน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) TOA ผบห. ตั้งเป้าปี 2024 ยอดขาย +6-8% y-y มาจากไทยเป็นหลัก หนุนด้วยต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนามที่ฟื้นตัว double digit เทียบกับปี 2023 ที่ -15% y-y จากผลกระทบปัญหาอสังหาฯ โดยเติบโตทั้งสี รวมถึงผลิตภัณฑ์ Non-dec ด้านอัตรากำไรขั้นต้นตั้งเป้ารักษาระดับ 33-34% ใกล้เคียงกับปีก่อนจากแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ผันผวนลดลง ประเด็นคุณวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ถือหุ้น TOA อยู่ 9% และก.ล.ต.ขยายระยะเวลาอายัดทรัพย์สินต่ออีก 6 เดือนถึงเดือนมิ.ย. 2024 ซึ่งในท้ายที่สุดหากต้องขาย ทางครอบครัวของผู้ถือหุ้นใหญ่ TOA ยังยืนยันว่าจะรับซื้อหุ้นส่วนนี้ ระยะสั้นคาดกำไรปกติ 1Q24 ทรงตัวดี q-q, y-y จาก High Season คงประมาณการกำไรปกติปี 2024 ที่ 2.6 พันลบ. ทรงตัว y-y ราคาเป้าหมาย 29.50 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) GFPT ราคาไก่เดือน มี.ค. +5% m-m อยู่ที่ 41-42 บาท/กก. แม้ผ่านตรุษจีน แต่ได้ปัจจัยหนุนจากการส่งออกฟื้นตัวต่อเนื่อง แนวโน้มกำไร 1Q24 จะโตสูง y-y และลุ้นทรงตัว q-q ได้ เพราะปริมาณส่งออกไก่ยังปรับขึ้นต่อทะลุ 8,000 ตันต่อไตรมาส จาก 7,700 ตันใน 4Q23 มาจากลูกค้ายุโรปเป็นหลัก คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ไว้ที่ 1.48 พันลบ. (+7.4% y-y) ด้วยสมมติฐานราคาไก่ +4% y-y เป็น 41 บาท/กก. และคงเป้าราคาเป้าหมาย 14.20 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ

(0) BRI ประกาศแผนธุรกิจปี 2024 ระมัดระวัง เน้นเปิดโครงการใหม่ในต่างจังหวัดผ่าน JV และเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายและเร่งระบายสต็อก และเพื่อเป็นการสะท้อนมูลค่าโครงการใหม่น้อยกว่าคาด,สงค์ที่ชะลอตัว รวมถึงอัตรายกเลิกและปฏิเสธสินเชื่อสูง อีกทั้งปรับลดรายได้บริหารโครงการ JV ตามจำนวนโครงการเซ็นใหม่น้อยลง เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-2025 ลง 38% ต่อปีเป็น -22% y-y ในปี 2024 และทยอยฟื้น +5% y-y ในปี 2025 โดย 1Q24 คาดดีขึ้น q-q จากฐานต่ำ แต่ลดลง y-y ราคาเป้าหมายใหม่ 7.20 บาท ยังแนะนำเพียง “ถือ” รับปันผล 2H23 Yield 8.7%

(+) BGRIM แนวโน้มกำไรปี 2024 จะฟื้นตัวจากทั้งต้นทุนราคาก๊าซเฉลี่ยที่ปรับลงมาจะอยู่ในช่วง 320-350 บาท/mmbtu ต่ำกว่าปีที่ผ่าน อีกทั้งราคา LNG ปัจบันได้ปรับลงต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าต้นทุนราคาก๊าซยังมีโอกาสที่จะปรับลงได้อีก ประกอกกับค่าไฟในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. ได้ปรับขึ้นเป็น 4.12 บาท/หน่วย จะหนุนให้ margin และกำไรใน 1Q24 ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ในปีนี้จะมีกำลังผลิตใหม่เพิ่มในชวง 1H24 จากโครงการโซล่าฟาร์และลมราว 60MW จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตติดตั้งรวม 3,970 MW ล่าสุด BGRIM เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งจำนวน 2 แห่งในเกาหลีใต้ กำลังผลิตรวม 740 MW คาดจะเริ่มผลิตเดือน ธ.ค. 2025 และ ธ.ค. 2026 ตามลำดับประกอบรัฐบาลเกาหลีใต้คาดว่าจะเปิดประมูลโรงไฟฟ้าใหม่อีกกว่า 2 GW ในปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสการลงทุนเพิ่มของ BGRIM เพิ่มขึ้นในอนาคต คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 37 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 75.86 จุด หรือ +0.20% ปิดที่ 38,661.05 จุด เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ และความเห็นจากประธานเฟด ได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงินที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนขานรับการแถลงนโยบายการเงินของประธานเฟด ต่อสภาคคองเกรส ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันพฤหัสบดีนี้

(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก นำโดยตลาดนิกเกอิทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง ขณะที่นกลงทุนกำลังจับตามองตัวเลขการค้าจีนและออสเตรเลียในสัปดาห์นี้

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.55% (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 79.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 79.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.13%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 16.30 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 2,158.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ขานรับถ้อยแถลงของเฟด ซึ่งส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงที่ระดับ 2,155.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.15%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 817.44/ -0.49%

- Advertisement -