Daily Focus: Selective Play // Hold after Accumulated

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวผันผวน รีบาวด์ขึ้นต่อช่วงเปิดตลาดแต่ไม่ผ่านแนวต้าน 1,378 จุด ก่อนจะมีแรงขายกดดันให้ดัชนีย้อนลงในแดนลบและฟื้นขึ้นได้อีกครั้งก่อนปิดบวกเล็กน้อย 1.61 จุด ที่ระดับ 1,372.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายทรงตัวราว 3.9 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศซื้อ สุทธิในตลาดหุ้น 1.1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 2.5 พันลบ. (และพลิกมา Short Index Futures 3.9 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวตามบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวก ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,378-1,380 จุด หนุนจากถ้อยแถลงของประธาน FED ต่อสภาคองเกรสที่ระบุว่าความเชื่อมั่นที่จะเห็นเงินเฟ้อทยอยลงสู่เป้า 2% อยู่ “ไม่ไกล” ทำให้ตลาดคาดหวังและมั่นใจเพิ่มขึ้น ว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของ FED ในไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยล่าสุดความน่าจะเป็นเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 75% ส่งผลให้ Bond Yield และ Dollar Index ปรับตัวลงแรง หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง ส่วนคืนนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ตลาดรอติดตามในคืนพรุ่งนี้คือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.พ. (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2 แสนตำแหน่ง) หากออกมาใกล้เคียงและอยู่ในกรอบ 2-2.5 แสนตำแหน่ง ซึ่งชะลอจากเดือนก่อนที่ 3.5 แสนตำแหน่ง คาดว่าตลาดจะยังตอบรับในเชิงบวกสำหรับตลาดหุ้นไทย เราเชื่อว่าดัชนีมีโอกาสที่จะทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากทั้งเศรษฐกิจไทยและกำไรบจ.ที่จะเร่งตัวใน 2024 รวมถึงพัฒนาการเชิงบวกของงบประมาณประจำปี 2567 ที่คาดว่าจะผ่านสภาฯได้และประกาศใช้ต้นเดือน เม.ย. หนุนความเชื่อมั่นและทำให้ภาคการลงทุนเร่งตัว ทำให้โมเมนตัมเศรษฐกิจไทยใน 2024 เป็นต้นไปดูสดใสมากขึ้น

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด

หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : KCG

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท
  • เราคาดกำไรปี 2024 จะมีลุ้นทำ Record High ต่อเนื่อง บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2024 เติบโต double-digit เน้นขยายลูกค้า B2B และ B2C กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ การออกสินค้าใหม่ ส่งออกและขายออนไลน์เพิ่มขึ้น ส่วน Gross Margin น่าจะยืนที่ 30% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมยังทรงตัวและส่วนใหญ่ล็อกราคาไว้แล้ว
  • สำหรับ 1H24 SG&A มีแนวโน้มลดลงจากโครงการ logistic park ที่จะเริ่มดำเนินงานใน 2H24 ระยะยาวมีแผนขยายกำลังผลิตเนยอีก 25% คาดเสร็จ 2025 สำหรับรายได้ 1QTD โตดี Y-y และมี gross margin เกิน 30% คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 โต 14% y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE ต่ำเพียง 14 เท่า
  • แนวรับ 9 บาท แนวต้าน 9.35//9.50-9.60 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนผสมผสาน สุทธิแล้วไหลเข้าเล็กน้อย US$115 ล้าน โดยเม็ดเงินไหลเข้าไต้หวัน US$588 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$394 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกจากไทยสูงสุด US$72 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้คาดว่ามีโอกาสไหลเข้าหลังถ้อยแถลงของประธาน FED ระบุว่าความเชื่อมั่นของคณะกรรมการที่จะมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะทยอยปรับลงสู่เป้า 2% อยู่ “ไม่ไกล” หนุน Dollar อ่อนค่าแรงและสกุลเงินเอเชียแข็งค่า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) SHR โทนประชุมเป็นบวกเล็กน้อย ผบห. เผยว่า 1Q24 การดำเนินงานของโรงแรมยังแข็งแกร่ง โดย RevPAR ของโรงแรมในไทยและ Maldives ปรับขึ้น 10-12% y-y ในเดือนม.ค. ด้วย OCC rate 88% และยังดีต่อเนื่องที่ 93% ในเดือนก.พ 2024 บริษัทคาด RevPAR โต 20-25% ในปี 2024 หลักๆ มาจากโรงแรมในมัลดีฟท์ที่ฟื้น การเปิดดำเนินงานเต็มที่หลังปรับปรุงของโรงแรม Sai ภูเก็ตและพีพี และโรงแรมในเมอริเชียส เรายังคาดกำไรจะก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 307 ลบ. จากปี 2023 ที่เริ่มพลิกมีกำไรได้ 80 ลบ. ด้าน Valuation ยังถูก เทรด PBV เพียง 0.6เท่า ถูกที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยว คงราคาเป้าหมาย 4 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) SJWD เดือน ก.พ. ที่ผ่านมาปิดดีลซื้อหุ้นบริษัท ANI (20.12%) ทำธุรกิจ Cargo General Service Agent, SWIFT (20.44%) ทำธุรกิจ logistic solution มูลค่าเงินลงทุนรวม 2.5 พันลบ. เชื่อว่าจะช่วยูเติมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจ Freight นอกจากนี้ภายใน 2024 น่าจะมีการตั้งกองรีทโดยขายพื้นที่บางส่วนราว 1 แสนตรม.ใน Alpha เข้ากองรีท และจะมีกำไรจากการขายจำนวนหนึ่ง เราคงประมาณกำไรปกติปี 2024 ที่ 1.2 พันลบ. +29% Y-y เท่าเดิม แต่ปรับเพิ่มในปี 2025-26 ขึ้น 6-7% เป็นกำไรปกติจะเติบโตเฉลี่ย 14% CAGR ในช่วงปี 2024-26 เพื่อสะท้อนผลบวกจากการลงทุนครั้งนี้ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 23 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) STEC ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2024 ที่ 3-3.1 หมื่นลบ. แม้งานสนามบินอู่ตะเภามีโอกาส สูงที่เริ่มงานล่าช้ากว่าที่บริษัทเคยคาดในกลางปี เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ยังไม่ชัดเจน แต่จะถูกชดเชยจากการเริ่มงานใหม่อย่างโรงไฟฟ้า solar ส่วน Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 6.9 หมื่นลบ. ตั้งเป้ารับงานเพิ่ม 4-5 หมื่นลบ.ในปีนี้ ไฮไลท์งานประมูลใน 1H24 คือ ทาง ด่วนจตุโชติ-ลำลูกกาและรถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย คาด success rate 20-25% ส่วน 2H24 คาดเห็นความคืบหน้าของหลายโครงการรถไฟ รวมถึงงานเอกชนอย่างโรงไฟฟ้าของ Gulf คงคาดกำไรปี 2024 +15% y-y จากฐานต่ำ ราคาเป้าหมาย 10 บาท ราคาหุ้นมี Upside จำกัด ยังแนะนำ “ถือ”

(-) ZEN เดือน ม.ค. 2024 ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ติดลบมากขึ้น และคาดหวังจะฟื้นตัวใน 2024 จากการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-26 ลง 14-18% เป็นเติบโตเฉลี่ย 4-6% ต่อปี และได้ราคาเป้าหมายใหม่ 10.30 บาท จาก 15.50 บาท แม้ระยะสั้นจะยังไม่มี Catalyst แต่เชื่อว่ากำลังซื้อจะฟื้นตัวยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) PRTR โทนจากการประชุมเป็นบวก อย่างน้อยผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้วในปีก่อนและการฟื้น ตัวจะค่อยเป็นค่อยไป ในช่วง 2M24 เริ่มมีลูกค้ารายใหม่ๆเข้ามาปีนี้ ผบห.ตั้งเป้ารายได้โต 10-15% ธุรกิจใหม่จะขาดทุนลูดลง ถ้าอิง net margin 3% เศษ ใกล้เคียงปีก่อน ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE ต่ำมาก 10-11X เบื้องต้นราคาเป้าหมายน่าจะ 5-6 บาท อิง PE 15x แต่ระยะสั้นยังไม่มี catalyst จนกว่าจะเห็นเศรษฐกิจกระเตื้องกว่านี้ เป็นหุ้นลงทุนไม่ใช่เก็งกำไร

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 130.30 จุด หรือ +0.34% ปิดที่ 38,791.35 จุดขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และดัชนี้ Nasdag ปิดพุ่งขึ้น 1.5% โดยได้แรงหนุนมากที่สุดจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มที่เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลัง ECB ตรึงอัตราดอกเบี้ยตามคาดเนื่องจาก สัญญาณเงินเฟ้อในยูโรโซนชะลอตัวลง ขณะที่หุ้นโนโว นอร์ดิสค์ของเดนมาร์ก พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หลังการทดลองยาลดความอ้วนของบริษัทได้ผลดี

(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก หลังประธานเฟดให้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในปีนี้หากสัญญาณจากเงินเฟ้อผ่อนตัวลงตามเป้าหมายของเฟ่ด

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.23% (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 78.93 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงเทขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันทะยานกว่า 1% ในวันพุธ (6มี.ค.) ขณะที่ตลาดคาดหวังหลังเฟด ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้แต่ยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจน ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 79.39 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.58%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ 2,165.20ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ขณะเดียวกันตลาดยังคงขานรับถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวที่ระดับ 2,167.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.09%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 816.57/ -0.11%

- Advertisement -