Daily Focus: Selective Play // Hold after Accumulated
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบแคบตามคาด โดยดัชนีปิดทรงตัว -0.60 จุด ที่ระดับ 1,379.63 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 4.1 หมื่นลบ. โดยตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ก.พ. สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 868 ลบ.และ 200 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures อีกบางๆ 927 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,377-1,387 จุด โดยมี Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ทำ New High อย่างไรก็ตามเรามองการปรับขึ้นของดัชนียังไม่กว้าง หลังตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน ก.พ. ออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อย Headline +0.4% m-m, +3.2% y-y ส่วน Core +0.4% m-m, +3.8% y-y สะท้อนว่าการชะลอของเงินเฟ้อเริ่มช้าและหนืดมากขึ้น ส่งผลให้ Dollar Index และ Bond Yield ดีดตัวขึ้น โดยอายุ 10 ปี ขยับมาที่ 4.15% จากราว 4% ในสัปดาห์ก่อน ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าค่อนข้างแรงแตะ 35.70 บาท/ดอลลาร์ ทำให้เรามองว่าการประชุม FED สัปดาห์หน้าโฟกัสที่ต้องจับตาคือ Dot Plot ใหม่ ว่าจะเห็นจำนวนครั้งในการปรับลดดอกเบี้ยจะน้อยลงจากเดือน ธ.ค. ที่มองปี 2024-2026 ปรับลง 3 ครั้ง / 4 ครั้ง / 3 ครั้ง ตามลำดับหรือไม่ ซึ่งหากแนวโน้มตึงตัวขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยง สำหรับตลาดหุ้นไทย ประเด็นกกต.ยื่นขอยุบพรรคก้าวไกล หากเปรียบเทียบกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ ตลาดไม่ได้ตอบรับอย่างมีนัยยะจนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ ซึ่งทำให้ SET Index ร่วงแรง 4% ในวันถัดมา แต่เป็นผลจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกแรก ภาพรวมตลาดยังรอปัจจัยบวกจากบประมาณประจำปี 2567 ที่คาดว่าจะผ่านสภาฯได้และประกาศใช้ต้นเดือน เม.ย. หนุนความเชื่อมั่นและทำให้ภาคการลงทุนเร่งตัว และทำให้โมเมนตัมเศรษฐกิจและกำไรบจ.จะทยอยเร่งตัวใน 2024 โดยเฉพาะ ตั้งแต่ 2024 เป็นต้นไป
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด
หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC
FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR
หุ้นเด่นวันนี้ : KCG
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท
- เราคาดกำไรปี 2024 จะมีลุ้นทำ New High ต่อเนื่อง บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2024 เติบโต double-digit เน้นขยายลูกค้า B2B และ B2C กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ การออกสินค้าใหม่ ส่งออกและขายออนไลน์เพิ่มขึ้น ส่วน Gross Margin น่าจะยืนที่ 30% จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมยังทรงตัวและส่วนใหญ่ล็อกราคาไว้แล้ว
- โมเมนตัมรายได้ 1QTD ยังโตดี y-y และมี gross margin ยังยืนสูง ขณะที่ 2H24 SG&A มีแนวโน้มลดลงจากโครงการ logistic park ที่จะเริ่มดำเนินงาน ระยะยาวมีแผนขยายกำลังผลิตเนยอีก 25% คาดเสร็จ 2025คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 +14% Y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE ต่ำเพียง 14 เท่า
- แนวรับ 9-8.90 บาท แนวต้าน 9.35//9.50-9.60 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนผสมผสานและสุทธิไหลออกบางๆสุทธิ US$27 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าไต้หวัน US$178 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$193 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกบางๆที่ไทยและเวียดนามประเทศละ US$6-7 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลเข้ากระจุกในฝั่งเอเชียตะวันออกตามแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ แต่คาดว่าปริมาณจะไม่หนาแน่นมากจากเงินเฟ้อที่ยังลงช้าและ Bond Yield ที่ขยับสูงขึ้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) NSL ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2024 โต 19% y-y มาจากการโตตาม 7-Eleven, Food service, NsL bands + BAW ไฮไลท์คือ ภาพระยะสั้น 1Q24 ยังโตได้ตามเป้า ซึ่งจะทำให้ในแง่ q-q มีลุ้นทรงตัวที่ระดับนิวไฮได้ สวนทางฤดูกาล ผบห.ตั้งเป้าพลิกฟื้นผลการดำเนินงานบริษัทร่วม Pen 1 และ BAW และ BEV ให้มีกำไรในปีนี้ เราเริ่มเห็น Upside ต่อประมาณการของเราราว 4-5% บนสมมติฐานรายได้ที่ยังต่ำกว่าเป้าของบริษัท และหากสามารถบรรลุเป้าที่จะไม่รับรู้ขาดทุนจาก 3 บริษัทลูก รวมถึงการะชำระคืนหนี้ธนาคาร เรายังคงราคาเป้าหมาย 26 บาทแนะนำ “ซื้อ”
(+) CRC ตั้งเป้าหมายปี 2024 ยอดขายรวมเติบโต 9-11% ใกล้เคียงกับเราคาดโต 9% หนุนโดยธุรกิจ Hardline จากไทวัสดุและธุรกิจ Food จากการเปิด Go Wholesale อย่างไรก็ดีเราปรับประมาณการปี 2024-26E ลง 5%, 9% และ 11% ตามลำดับ จากปี 2023 กำไรปกติต่ำกว่าที่คาด ส่วนแนวโน้มกำไรปกติ 3 ปีเฉลี่ยยังเติบโตต่อเนื่อง +12% CAGR หนุนจากทั้ง 3 หน่วยงานโดยในปี 2024 ยังมีการขยายสาขาในไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ระยะสั้นเห็นสัญญาณฟื้น ตัว 1QTD24 SSSG บวกได้ 2-3% โดยเฉพาะเวียดนามที่กลับมาบวกได้ราว 5% จากช่วงเทศกาล Tet และได้ราคาเป้าหมายใหม่ 44 บาท Valuation ยังไม่แพง ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) TISCO คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1.76 พันลบ. -1% q-q, -2% y-y คิดเป็น 26% ของประมาณการทั้งปี 2024 ของเรา ภายรวมผลการดำเนินงาน 1Q24 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากปี 2023 โดยการเติบโตหลักยังมาจากกลุ่มธุรกิจที่มี High yield ส่วน NIM ยังปรับลงตามต้นทุนการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้น คุณภาพสินทรัพย์ NPL เราคาดปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.30% จาก 2.22% ใน 4Q23 และเรายังคาด credit cost จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ coverage ratio ลดลงเป็น 180% จาก 190% ใน 4Q23 เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2024 -8% และคงราคาเป้าหมาย 97 บาท Div. yield 8% ต่อปี ยังแนะนำ “ถือ”
(0) ORI แผนปี 2024 กลับเข้าสู่โหมดระมัดระวัง ชะลอการซื้อที่ดินและขยายธุรกิจโรงแรม เร่งระบายสต็อก การเปิดโครงการใหม่น้อยสุดในรอบ 2 ปี เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2024-2025 ลง 27% และ 21% เป็น +27% Y-y และ +11% y-y ตามลำดับ ทยอยฟื้นตัวจากฐานต่ำในปี 2023 แต่ยังต่ำกว่าปี 2022 โดยปรับลดยอดโอนแนวราบจากเปิดโครงการใหม่น้อยกว่าคาดรวมถึงอัตรายกเลิกและปฏิเสธสินเชื่อสูง อีกทั้ง การเซ็น JV ใหม่น้อยลง และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 7.60 บาท ราคาหุ้นมี Upside ที่จำกัด และคาดกำไรปกติ 1024 หดตัว y-y จึงลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ประกาศปั่นผล 0.30 บาท/หุ้น Yield 4.2% ขึ้น XD 8 พ.ค.
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 235.83 จุด หรือ +0.61% ปิดที่ 39,005.49 จุดขณะที่ดัชนี S&P ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดียและหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก แตะที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำโดยหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มธนาคาร ขณะที่เทรดเดอร์ยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมิ.ย.หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของตลาดสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ใกล้เคียงตลาดคาด
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.93%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 77.56 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA ปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 78.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.57%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 22.50 ดอลลาร์ หรือ 1.03% ปิดที่ 2,166.10ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงของสหรัฐอาจทำให้เฟด ยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงเล็กน้อยที่ระดับ 2,164.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.06%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 815.13/ –