JPARK โตไม่หยุด ตั้งเป้าปี 67 บริหารลานจอดแตะ 40,000 ช่องจอด เร่งพัฒนาระบบจัดการ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มสัดส่วน PMS ดันมาร์จิ้น
“เจนก้องไกล” เดินหน้าโตไม่หยุด ตั้งเป้าปี 67 บริหารลานจอดรดแตะ 40,000 ช่องจอด เร่งพัฒนาระบบจัดการ “Prompt Park” ลดค่าใช้จ่าย เล็งเพิ่มสัดส่วนงาน PMS ดันมาร์จิ้นเพิ่ม
นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าบริหารลานจอดรถในปี 2567 แตะ 40,000ช่องจอด คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 30% จากในปัจจุบันที่บริษัทบริหารลาดจอดรถอยู่ที่ 29,562 ช่องจอด โดยล่าสุดบริษัทได้รับสัญญาในการให้บริการที่จอดรถ (PS) ให้กับสนามบินขอนแก่นจำนวน 600 ช่องจอด อายุสัญญาเช่า 10 ปี และรับบริหารจัดการพื้นที่จอดรถในโครงการ (PMS) One Bangkok จำนวน 2,000 ช่องจอด ในขณะที่โครงการลานจอดรถตลาดบางกอกน้อย โรงพยาบาลศิริราช จำนวน 230 ช่องจอด และพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ 200 ตารางเมตร ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้างจะสามารถให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 และโครงการอาคารจอดรถโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าจำนวน 532 ช่องจอด และพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ 2,000 ตารางเมตร ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้างจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 รวมถึงโครงการอาคารจอดรถศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกจำนวน 1,014 ช่องจอด และพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ 4,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 และจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568
โดยขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการขยายการบริหารจัดการลานจอดรถให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพสูง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ๆ คือการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% ในปี 2567 และการเพิ่มขึ้นของอาคารจอดรถในบริเวณระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้ามหานครที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ช่องจอดภายในปี 2569 โดยบริษัทมุ่งเน้นที่จะเพิ่มสัดส่วนในการเข้ารับงานบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (PMS) ให้เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรที่สูง รวมถึงการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีระบบบริหารจัดการพื้นที่จอดรถอัตโนมัติ “Prompt Park” เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการมากยิ่งขึ้น และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2566 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 62.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.77 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 14.17% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 54.82 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯมีรายได้รวมสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 573.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 26.70% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 452.30 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯจะจ่ายปันผลสำหรับปี 2566 เป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.0375 บาท โดยจะกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 19 เมษายน 2567และจ่ายปันผลในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567