บล.พาย:

STEC: Sino-Thai Engineering and Construction

ปี 24 ตั้งเป้าได้งานใหม่ 40,000 ล้านบาท

เรามองว่าปี 24 ไฮไลท์ของ STEC จะเกิดขึ้นในช่วง 2H24 เพราะคาด ว่าจะมีเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเปิดประมูลมีมูลค่ารวมกันกว่า 130,000 ล้านบาท (1H24 คาดว่าจะมีโครงการเปิดประมูล 2 โครงการมูลค่ารวมกันกว่า 40,000 ล้าบาท) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มฐาน Backlog ที่ ณ ช่วงสิ้นปีเหลือเพียง 68,642 ล้านบาท (ไม่รวมงานสนามบินอู่ตะเภาที่รอเซ็นสัญญาอีก 27,000 ล้านบาท) ขณะที่ผลประกอบการปี 24 คาดว่าจะยังเติบโตไม่มากนัก เพราะยังคงได้รับผลกระทบจากส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูอยู่ โดยเราปรับกำไรปี 24 ลดลงจากเดิม 20% มาอยู่ที่ 547 ล้านบาท (+4%YoY) ผ่านการปรับส่วนแบ่งขาดทุนเพิ่มขึ้น

4Q23 กำไรสุทธิ 74 ล้านบาท (-77%YoY, -43%QoQ)

  • STEC มีกำไรสุทธิงวด 4Q23 ที่ 74 ล้านบาท (-77%YoY, -43%QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษอย่างกำไรจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ 23 ล้านบาท จะมีกำไรปกติเพียง 50 ล้านบาท (-82%YoY, -61%QoQ) ลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น
  • รายได้ที่ 8,053 ล้านบาท (-5%YoY, +2%QoQ) รายได้หลักยังคงมาจากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงตอนใต้ รถไฟทางคู่และงานโรงไฟฟ้า
  • กำไรขั้นต้น รวมที่ 5.1% ลดลงจาก 5.8% ใน 4Q22 แต่ดีขึ้นจาก 4.5% ใน 3Q23 ถือเป็นการกลับมาสูงกว่า 5% ได้อีกครั้งนับตั้งแต่ 1Q23 ที่ผ่านมา ด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ 292 ล้านบาท (+48%YoY, +114%QoQ) ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงาน รวมแล้ว STEC มีกำไรจากการดำเนินงาน 118 ล้านบาท (-60%YoY, -46%QoQ)
  • ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม 51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,051%YoY เพราะมีการรับรู้ผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเข้ามา แต่ทรงตัวจาก 3Q23
  • รวมแล้วในปี 23 รายได้อยู่ที่ 29,598 ล้านบาท (-2%YoY) และมีกำไรสุทธิ 528 ล้านบาท (-39%YoY)

ปี 24 ลุ้นงานใหม่ว่าจะได้เท่าใด

ภาพรวมปี 24 ที่ต้องติดตามของ STEC คือการเข้าประมูลงานใหม่ว่าจะได้มากน้อยเพียงใด หลังจาก Backlog ณ สิ้นปีเหลือเพียง 68,642 ล้านบาท (ไม่รวมงานสนามบินอู่ตะเภาอีก 27,000 ล้านบาทที่ยังรอเซ็นสัญญาอยู่) ซึ่ง STEC คาดว่าจะเข้าประมูลรวมประมาณ 180,000 ล้านบาท ตั้งเป้าได้งานมูลค่าประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท มีโครงการสำคัญ เช่น ทางด่วนจตุโชติ-ลำลูกา มูลค่า 19,400 ล้านบาทหรือ รถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย มูลค่า 29,400 ล้านบาท ที่จะเปิดประมูลช่วง 1H24 สำหรับธุรกิจ Data Center คาดว่าจะริ่มรับรู้รายได้ในปี 26 เป็นต้นไป

ปรับกำไรปี 24 ลง 20% มาอยู่ที่ 548 ล้านบาท (+4%YoY)

เราปรับกำไรสุทธิปี 24 ลงจากเดิม 20% มาอยู่ที่ 547 ล้านบาท (+4%YoY) เพื่อสะท้อนถึงผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูที่คาดว่าเข้ามาไตรมาสละ 70-80 ล้านบาท ขณะที่รายได้เรายังคงไว้เท่าเดิมที่ 30,754 ล้านบาท (+4%YoY)

คำแนะนำการลงทุน เรามองว่าด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่เริ่มฟื้นตัว รวมกับการเปิดประมูลงานภาครัฐที่คาดว่าจะออกมาหลังผ่านงบประมาณปี 24 ช่วงเดือน เม.ย. เราจึงปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเก็งกำไร” และปรับ มูลค่าพื้นฐานเป็น 12 บาท (1XPBV’24E)

- Advertisement -