วันนี้คาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,377 / 1,370 แนวต้าน 1,390 / 1,395

เมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CP1) เดือน ก.พ. ออกมาอยู่ที่ระดับ +0.4%MoM/+3.2%YoY มากกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย หนุน US-Bond Yield ปรับตัวขึ้น และ US Dollar แข็งค่า ลดทอนความน่าสนใจของตลาดในภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศเกี่ยวกับการเมืองไทย คาดเป็น Noise รบกวนตลาดได้บ้าง กระทบจำกัด

Our View? “No-Trend Market”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways’ มองแนวรับที่บริเวณ 1,377 / 1,370 และแนวต้านที่บริเวณ 1,390 / 1,395 เรายังประเมินว่าตลาดให้น้ำหนักกับแนวโน้มในการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงเดือน มิ.ย. 67 โดยล่าสุดเช้านี้ CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดให้น้ำหนัก FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือน มิ.ย. ที่น้ำหนักราว 60%+/- และจะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วง 3-4Q’67 แม้ตัวเลขเงินเฟ้อทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.พ. ยังชะลอตัวลงช้ากว่าคาด เช่นเดียวกับคาดการณ์การรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)เดือน ก.พ. คาดจะออกมาที่ระดับ +0.3%MoM/+1.2%YoY อ่อนตัวลงช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้ก่อนหน้าก็ตามขณะที่คืนนี้แนะนำติดตามการรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐคาดจะออกมาที่ระดับ 2.18 แสนราย เพิ่มมากกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าคาดจะกระตุ้นความหวังในการที่ FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ต่อ อย่างไรก็ตามเรามองการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) เริ่มพยายาม ฟื้นตัวขึ้นบ้างจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside ได้บ้างในระยะสั้น

อย่างไรก็ดีเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นจีน จากการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.พ. ของจีนออกมาอยู่ที่ระดับ +0.7%YoY บ่งชี้เงินเฟ้อทางฝั่งผู้บริโภคเริ่มพลิกกลับมาเป็นบวกแล้ว อย่างไรก็ตามตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ก.พ. ของจีนออกมา -2.7%YoY ปรับตัวลงต่อทำให้มุมมองเชิงบวกข้างต้นลดลงไปบ้าง แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน รวมทั้ง สัปดาห์นี้ต้องติดตามธนาคารกลางจีน (PBOC) หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLF ลง คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกให้ตลาดในภูมิภาค Outperform ได้ในระยะถัดไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับ 79.72 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.16 ดอลลาร์ (+2.78%) ได้รับแรงหนุนจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของ รัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล สวนทางจากที่ตลาดคาดสะท้อนความแข็งแรงของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐ คาดจะหนุนทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้อย่างไรก็ตามประเด็น Chevron มีแผนจะถอนตัวออกจากอุตสาหกรรมก๊าซของเมียนมา โดยคาดจะไม่ต่อ สัญญาที่แหล่ง คาดจะส่งผลถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอัตราการผลิตของแหล่งก๊าซ Yadana ของ PTTEP แต่เรามองสัดส่วนการผลิตในแหล่ง Yadana ของ PTTEP คิดเป็นสัดส่วนค่อนข้างน้อยต่ำกว่า 3.0%+/- คาดจะส่งผลกระทบจำกัด

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังมอง Downside ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างจำกัดลง โดยการปรับตัวลงตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาทำให้ปัจจุบัน SET Index ซื้อขายกันที่ Forward PE 14.2 เท่า +/- ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -1S.D. ทำให้ความน่าสนใจในเชิง Valuation เพิ่มขึ้นบ้าง

โดยเรายังให้น้ำหนักต่อการพิจารณาร่างงบประมาณปี’67 ในช่วงวันที่ 20-21 มี.ค. โดยเรายังมองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป ซึ่งอาจส่งผลให้แนวโน้มในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-การออกโครงการใหม่ของภาครัฐตามมาได้ คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT และ CRC) และหุ้นในกลุ่มรับเหมา-ก่อสร้าง (CK, STEC, UNIQ และ SEAFCO) ปรับตัวขึ้นต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “CPALL”

  • เรายังชอบ CPALL จากโมเมนตัมกำไร 1Q’67 แม้คาดชะย่อตัวลงบ้าง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่คาดจะโตต่อเนื่อง YoY ตาม SSSG QTD ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วง 2-3Q’67 คาดจะหนุนทิศทางกำไรของ CPALL ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง
  • ทางเทคนิค ราคาฟื้นตัวขึ้นยืนเหนือ EMA75 วันยกจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้นสูงขึ้น ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD ชะลอการอ่อนตัวลง แต่ SSTO ยังอ่อนตัวลงอยู่ ทำให้คาดว่าราคามีโอกาสแกว่งตัวออกด้านข้างได้
  • แนะนำ “ซื้อสะสม” แนวรับ 57.00 / 56.00 Target 60.00 / 64.00 Stop <55.75

- Advertisement -