BBGI ตั้งเป้าปี 67 All Time High คาดรายได้โตกว่า 30% กำลังการผลิตพุ่ง มุ่งสู่ไบโอเทค
“บมจ. บีบีจีไอ หรือ BBGI” ผู้นำอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ มั่นใจปี 67 ยอดขายพุ่งทำสถิติสูงสุด
ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% จากปริมาณการขายเชื้อเพลิงชีวภาพออเดอร์ทะลัก ดันปีนี้ Utilization Rate คาดขึ้นไปแตะ 100% พร้อมเดินหน้าสร้างฐานการเติบโตในธุรกิจพลังงานสะอาดและผู้นำไบโอเทค 2 โครงการใหม่เริ่มแผนก่อสร้าง หนุนปี 68 โตต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบด้วย โครงการ Sustainable Aviation Fuel (SAF) หรือเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน สู่การพัฒนาน้ำมันเครื่องบินคาร์บอนต่ำ เป็นที่ต้องการในตลาดโลก และธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (CDMO) การต่อยอดสู่ High Value Product ซึ่งปัจจุบันมีดีมานด์รออยู่
นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจปี 2567 คาดการณ์ยอดขายพุ่งทำสถิติสูงสุด (All Time High) โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อนมากกว่า 30% จากธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพมีความต้องการเพิ่มขึ้น สนับสนุนปริมาณการจำหน่ายมากขึ้น รวมทั้ง เริ่มเดินหน้าธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นสู่นวัตกรรมสีเขียว นำไบโอเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนรับเทรนด์อนาคต ในปี 2566 BBGI สามารถสร้างรายได้เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า ยอดขายไตรมาส 4 ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยธุรกิจไบโอดีเซล โรงงานมีการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ทั้งปีอยู่ในระดับ 84% ซึ่งสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ประมาณ 47% ด้านธุรกิจเอทานอล โรงงานมีการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ทั้งปีในระดับ 59% ใกล้เคียงอุตสาหกรรม ได้อานิสงส์ความต้องการที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เข้าซื้อหลักทรัพย์บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือ BSRC และจะเข้ามารับรู้ในปีนี้เต็มปี อีกทั้งปัจจัยบวกจากภาคการขนส่ง และการท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด มาตรการภาครัฐสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยว และการใช้น้ำมันที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งมากขึ้น สนับสนุนความต้องการทั้งไบโอเอทานอลและไบโอดีเซลมีความต้องการมากกว่ากำลังการผลิต และปัจจุบันใช้กำลังการผลิตไบโอดีเซลปรับสูงขึ้นไปแตะระดับ 100% เรียบร้อยแล้ว
ในปี 2566 สำหรับความคืบหน้า 2 ธุรกิจใหม่ ที่ BBGI เข้าไปร่วมทุนกับพันธมิตร เดินหน้านำนวัตกรรมเข้ามาต่อยอดเป็น High Value Product เตรียมพร้อมสำหรับความต้องการตลาดโลกในระยะอันสั้นนี้ ประกอบด้วย
ธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF สอดรับนโยบายดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายหลัก พร้อมด้วย บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) โดย BBGI ถือหุ้นในสัดส่วน 20% ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงาน ตั้งเป้าเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 1/2568 เตรียมผลิตและจัดจำหน่าย SAF จากน้ำมันพืชใช้แล้วเป็นรายแรกในประเทศไทย กำลังการผลิตสูงสุดประมาณ 1,000,000 ลิตรต่อวัน เพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์มากกว่า 80% ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมาย Net Zero GHG Emissions ในปี ค.ศ. 2050
นอกจากนี้ ธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (CDMO) โดย BBGI ร่วมทุนกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Fermbox Bio บริษัทผู้นำด้านการวิจัยและผลิตผลิตภัณฑ์ชีววิทยาสังเคราะห์ด้วยกระบวนการหมักแม่นยำขั้นสูง และก่อตั้งบริษัทร่วมทุน BBFB (BBGI Fermbox Bio) ซึ่งเป็นโรงงานเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง(Precision Fermentation) เชิงพาณิชย์แห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย โดย BBGI เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 75% นับเป็นการก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำไบโอเทคโนโลยีระดับภูมิภาค โดยอาศัยความรู้ทางด้านเทคโนโลยีต่อยอดจากประสบการณ์ของบีบีจีไอ และใช้ Know-how ผู้เชี่ยวชาญที่มีน้อยรายในปัจจุบัน โดยระยะแรกจะผลิตเอนไซม์ และขยายการผลิตไปยังผลิตภัณฑ์ด้านชีววิทยาสังเคราะห์ (Synbio) ที่ล้ำสมัยอื่นๆ ต่อไป
ในเฟสแรกโรงงานมีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ 2,000 ตันต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดแล้วเสร็จปลายปีนี้ และเริ่มผลิตช่วงต้นปี 2568 พร้อมขยายเป็นเฟสต่อเนื่องด้วยจุดแข็งคือ การมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง จะทำให้เราเติบโตในธุรกิจนี้ได้ และมีตลาดรองรับ พร้อมส่งออกไปจำหน่ายภายในภูมิภาค
ทั้งนี้ ในปี 2566 BBGI มีรายได้ 13,757 ล้านบาท EBITDA 667 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9% และ เฉพาะไตรมาส 4 ทำกำไรสุทธิได้ถึง 79 ล้านบาท ทำให้งบตลอดทั้งปีพลิกเป็นบวก มีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท