KS Daily View 20.03.2024 >>> จับตา Fed คืนนี้ จากคำแถลง Powell เราแบ่งเป็น 3 กรณี วันนี้ประเมินกรอบ SET ที่ 1,370 – 1,400 จุด แนะนำ BDMS, ADVANC

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

เราแบ่งแนวทางการวิเคราะห์ผลการประชุม Fed ในคืนวันนี้ ออกเป็น 3 scenarios คือ 1.) กรณีดีสุด (SET ขึ้นทดสอบ 1,404 จุด) คือ หากเฟดคง Dot plot ตามเดิม (ลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง) พร้อมส่งสัญญาณลดงบดุล และไม่ปรับตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ (GDP 1.4%, Unemployment 4.1%, Core PCE 2.4%) 2.) กรณีฐาน (SET 1,370-1,390 จุด) คือ ลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ไม่ส่งสัญญาณลดงบดุล และคงประมาณการเศรษฐกิจ 3.) กรณีแย่ (SET 1,355-1,370 จุด) คือ เฟดปรับ Dot plot (ลดดอกเบี้ยเหลือ 2 ครั้ง) ไม่ลดงบดุล และปรับตัวเลขเศรษฐกิจขึ้น ทั้งนี้ให้นักลงทุนสังเกตอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีที่ระดับ 4.35% เพราะจะทำให้ Earnings Yield Gap ของดัชนี S&P 500 ทำจุดต่ำสุดใหม่ กลยุทธ์แนะนำลงทุนแบบ Bottom up ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงกลุ่มส่งออก/มีสินทรัพย์เป็น USD จากโอกาสที่ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าหาก ธปท. ลดดอกเบี้ยก่อนเฟด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) บีโอเจยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่ได้ดำเนินมาต่อเนื่องยาวนาน โดย (1) ปรับดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2007 สู่ระดับ 0 ถึง 0.1% จากเดิมที่ -0.1% (2) ยุติการใช้มาตรการ Yield Curve Control (YCC) แต่จะยังคงการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลต่อเนื่องในปริมาณที่ใกล้เคียงเดิม และ (3) ยุติการเข้าซื้อ ETFs และ J-REITs ซึ่งได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2010 หลังบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% และค่าจ้างมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ห้องค้ากสิกรไทยประเมินว่าการดำเนินการของบีโอเจจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป มองการอ่อนค่าของเงินเยนในระยะถัดไปมีจำกัดแล้วที่ราว 152 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อบีโอเจขยับนโยบายให้ตึงตัวมากขึ้น เงินเยนมีโอกาสกลับมาแข็งค่าขึ้นทดสอบระดับ 145 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้เงินเยนร่วงลง 1.19% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สู่ระดับ 150.91 ดอลลาร์หลังข่าวดังกล่าว

2.) หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หุ้นพลังงานเป็นผู้นำตลาดได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบสี่เดือน ราคาหุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 1% หลังเปิดตัวชิป AI ใหม่ล่าสุดของผู้ผลิตชิป ขณะที่กิจกรรมที่อยู่อาศัยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง (Housing starts +10.7% MoM, Building Permits +1.9% MoM)

3.) ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด กล่าวว่า ได้เตรียมซอฟต์โอเพนนิ่งโปรเจกต์ “วัน แบงค็อก” 1.2 แสนล้าน โดยจะเปิดเฟสแรกศูนย์การค้า ต.ค.นี้ ดึงพันธมิตร คิง เพาเวอร์ ผุดดิวตี้ฟรี คอนเซปต์ “ซิตี้ บูติค” ตั้งเป้าจำนวนคนเข้าใช้บริการ 90 ล้านคนต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นเป้าที่ค่อนข้างท้าทายเมื่อเทียบกับ Icon Siam ที่ 36.5 ล้านคนต่อปี และ Paragon ที่ 55 ล้านคนต่อปี

4.) สำนักข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานว่า หวั่นปม “อิตาเลียนไทย” ขาดสภาพคล่อง โดมิโนเอฟเฟ็กต์ ลามกระทบรับเหมารายย่อย แบงก์เบรก ปล่อยกู้ ขณะที่กระบวนการแก้ปัญหาต้องรอ “แบงก์กรุงเทพ” เจ้าหนี้รายใหญ่ และเจ้าหนี้ปล่อยกู้ร่วม อีก 3 แบงก์จะ “อุ้มต่อ” หรือไม่ เผยบริษัทแบกหนี้เป็นแสนล้าน แต่รายได้แค่หลักพันล้าน หลัง “เงินจม” ในโครงการทวาย-ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ลุ้นปรับโครงสร้างหนี้-แปลงหนี้เป็นทุน

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

BDMS : ราคาพื้นฐาน 33.10 บาท

ผู้บริหารคาดว่ารายได้ปี 2567 จะเติบโต 10-12% โดยมีอัตรากำไร EBITDA ที่ 24-25% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขจริงในปี 2566 การเติบโตของรายได้รวมอยู่ที่ 11% YoY ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 แนวโน้มรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่ดีน่าจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2567 โรงพยาบาลแห่งใหม่หลังปี 2566 ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาลที่มีอยู่เดิม ซึ่งน่าจะมีการจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ราคาหุ้นอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.2566 ซึ่งดูเหมือนจะสะท้อนความกังวลที่น้อยลงเกี่ยวกับการเทขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ADVANC : ราคาพื้นฐาน 248.93 บาท

เราคาดว่าจะเห็น upside risk ต่อประมาณการของเรา เช่น EBITDA และ capex ในปี 2567 ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริหารของ ADVANC มุ่งเน้นไปยังการเพิ่มกระแสเงินสดอิสระซึ่งคาดจะช่วย deleverage สถานะหนี้สินที่เพิ่มขึ้นหลังการซื้อกิจการ TTTBB และ JASIF ปัจจัยหนุนตัวคูณมูลค่าหุ้นคาดจะมาจาก 1) ค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และ FBB ที่ฟื้นตัวขึ้นเร็ว 2) การผนึกกำลังด้านต้นทุนที่ดีขึ้นจากการรวมกิจการกับ TTTBB และ 3) การบริหารเงินทุนในเชิงรุกมากขึ้น ราคาหุ้น ADVANC ลดลง -3.7% YTD แย่กว่า TRUE ที่ +58.4% YTD และ SET Index ที่ -2.0% YTD ส่งผลให้ล่าสุดอัตราเงินปันผลตอบแทนของ ADVANC เพิ่มเป็น 4% แล้ว (คาด DPS ที่ 8.98 บาทต่อหุ้นในปี 2024)

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ : ติดตามการอภิปรายร่างเงินงบประมาณประจำปี 2567 ของไทย และติดตามผลการประชุมธนาคารกลางจีน (PBOC) ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Loan Prime Rate ระยะ 1 และ 5 ปี ไว้ที่ 3.95% และ 3.45% ตามลำดับ ต่อด้วยช่วงข้ามคืนติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ FOMC meeting ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.50% แต่มีโอกาสที่ Fed อาจส่งสัญญาณชะลอการปรับลดงบดุลหรือ QT tapering
  • วันพฤหัสฯ : ติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของยุโรป (Manufacturing PMI) สำหรับเดือน ก.พ. ตลาดคาดที่ 46.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 46.9 จุด
  • วันศุกร์ : ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (German ifo Business climate) สำหรับเดือน มี.ค. ตลาดคาดที่ 85.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 86.0
- Advertisement -