Daily Focus: Selective Play // Hold after Accumulated

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลดลงผิดจากที่คาดว่าจะ Sideways เพื่อรอดูผลการประชุม FED โดยดัชนีปิดลบ 9.28 จุด ที่ระดับ 1,373.18 จุด และหลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ ที่ 1,378 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 5.5 หมื่นลบ. โดยยังคงมี Big Lot AWC อยู่ 1.8 หมื่นลบ. หุ้นขนาดใหญ่ที่ถ่วงตลาดและปรับตัวลงแรง คือ SCC CPAXT สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 236 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิราว 2.2 พันลบ.เมื่อหัก AWC ออก (และ Short Index Futures ราว 1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นกลับเข้าหาแนวต้าน 1,380+- จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส หลังจากผลการประชุม FED ออกมาในโทนที่ค่อนไปในทาง Dovish หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง โดย Bond Yield 2 สหรัฐฯ ที่สะท้อนอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงราว 12 bps สู่ระดับ 4.6% ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่า และราคาทองคำและ S&P500 พุ่งทำ New High ตลาดตอบรับเชิงบวกต่อประมาณการ GDP สหรัฐฯที่ถูกปรับขึ้น ขณะที่การลดดอกเบี้ยของ FED จาก Dot Plot ใหม่ยังอยู่ที่ 3 ครั้งในปีนี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวลง ค่าเงินบาทพลิกมาแข็งค่า โดยรวมเป็นบวกต่อกลุ่ม ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า สายการบิน เป็นต้น ส่วนปัจจัยในประเทศยังอยู่ที่การพิจารณางบประมาณประจำปี 2567 ของสภาผู้แทนฯสัปดาห์นี้ และตามแผนจะถูกนำขึ้น ทูลเกล้าฯวันที่ 3 เม.ย. เราเชื่อว่าจะหนุนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและทำให้โมเมนตัมของการลงทุนภาครัฐให้เร่งตัวขึ้น หลังติดลบแรงในไตรมาสก่อนๆ หนุน GDP เร่งตัวใน 2024 เป็นต้นไป โดยรวมเราเชื่อว่า SET Index มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตามกำไรบจ.และ GDP 4Q23 ที่ประกาศออกมา เราคาดดัชนีมีโอกาสทยอยฟื้นตัวใน 2024 โดยมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ 1,350-1,450 จุด

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด

หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : TIDLOR

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท
  • บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้ในเชิงระมัดระวังเติบโต 10-20% y-y ส่วน NPL คาดที่ 1.4-1.8%, Credit cost ที่ 3.29% และ cost to income ratio ที่ 55% ซึ่งส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา
  • เราคาดกำไรปี 2024-25 ที่ 4.67 พันลบ. และ 5.55 พันลบ. +19% y-y ต่อปี ฟื้นตัวได้ค่อนข้างดีจากฐานที่ต่ำในปีก่อนที่มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ส่วนระยะสั้นคาดได้ Sentiment บวกจากผลการประชุม FED ที่ออกมาค่อนไปทาง Dovish และตลาดฯเริ่มคาดหวังมากขึ้นว่ากนง.จะลดดอกเบี้ยใน 2024
  • แนวรับ 22//21.50 บาท แนวต้าน 23//23.40 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิอีก US$915 ล้านเม็ดเงินไหลออกจากไต้หวัน US$1,007 ล้าน แต่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$640 ล้าน ส่วนอาเซียนยังคงไหลออกสูงสุดที่ไทย US$556 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$23 ล้านแนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้คาดว่าพลิกมาไหลเข้าหลังการประชุม FED เมื่อคืนออกมาในโทนค่อนไปในทาง Dovish ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯและ Dollar Index ปรับตัวลง

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) Fed คงดอกเบี้ย 5.25-5.5% ตามคาด และตัวเลข Dot pot ยังคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ปี 2025 เดิมมองปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้งลดเหลือ 3 ครั้ง ส่วน Longer Term มองดอกเบี้ยขยับขึ้นเล็กน้อยจาก 2.5% เป็น 2.6% ด้านประมาณการเศณษฐกิจ มีการปรับตัวเลข GDP ปี 2024 ขึ้นจาก +1.4% เป็น +2.1% และ Core PCE ขึ้นจาก +2.4%เป็น +2.6% แต่ยังคงคาดการณ์ปี 2025-26 ภาพรวมผลการประชุมออกมาในโทนที่ค่อนไปในทาง Dovish ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐขานรับในเชิงบวกจากภาพแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าคาด ขณะที่แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยมีเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ภาพรวมเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง

(+) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เป็นกลุ่มหนึ่งในผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการพิจารณางบประมาณ ปี 2567 ที่เร็วขึ้น โดยคาดเริ่มเบิกจ่ายในเดือน เม.ย. นี้ ซึ่งระยะเวลาใช้จ่ายเพียง 6 เดือน คาด ช่วยกระตุ้นแผนการลงทุนโครงการภาครัฐใน 2H24 สำหรับ 1H24 มีแผนเปิดประมูลงานใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 4.8 หมื่นลบ.ที่มีกรอบเวลาชัดเจน คาดขายซองเดือนเม.ย.-พ.ค. เราให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มรับเหมาฯ มากกว่าตลาด หนุนจาก 1) คาดกำไรปี 2024 โตตามการรับรู้งานใน มือ 2) ปี 2023 SETCONS -29% เทียบกับ SET -15% หลังไม่มีประมูลงานใหม่ ขณะที่ปี 2024 งานประมูลใหม่มากขึ้นจะหนุนการปรับขึ้นราคาหุ้น 3) ระยะสั้นมี Catalyst จากงบประมาณ 2567 ที่จะประกาศใช้เร็วขึ้น หากอิงสถิติหลังผ่านร่างงบประมาณ 2566 ใน 1 สัปดาห์พบว่าราคาหุ้น +2-8% ทั้งนี้ เราชอบ Main contractor มากกว่าฐานรากจาก Backlog แข็งแกร่งและมีศักยภาพเข้าประมูลงาน ส่วนฐานรากคาดเริ่มกลับมาน่าสนใจใน 4Q24 ที่งานใหม่เริ่มก่อสร้าง เราเลือก CK (ราคาเป้าหมาย 26 บาท) เป็น Top pick

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 401.37 จุด หรือ +1.03% ปิดที่ 39,512.13 จุดหลังจากเฟด มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และยังคงส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปีนี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าลงทุนลอตใหญ่เพื่อรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก นำโดยตลาดนิกเกอิ ซึ่งทำจุดสูงสุดใหม่ หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ยรวมถึงคาดการณ์การปรับลดลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3 ครั้งในปีนี้

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.14%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 81.68ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนซึมซับผลการประชุมของเฟด หลังจากที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 83.69 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.52%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.06% ปิดที่ 2,182.40ดอลลาร์/ออนซ์ ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,223.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +1.87%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 838.50/ +0.14%

- Advertisement -