จับตาหลายสิ่งอาจนิ่งๆไปก่อน / 1,380-1,395
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET แกว่งตัวออกข้าง: หลังตลาดได้ซึมซับปัจจัยมหภาคไปแล้วในช่วงก่อนหน้า ดัชนีวันนี้จึงอาจแกว่งตัวในกรอบแคบๆ อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ตลาดรอพัฒนาการเชิงบวก ได้แก่ 1) การสรุปผลการพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณปี 67 หลังที่ประชุมได้มีมติปรับลดงบประมาณจำนวน 9204 พันล้านบาทในวาระ 2-3 ขณะที่วาระ 6 ว่าด้วยเรื่องงบประมาณกลางรัฐบาลได้เบิกจ่ายไปล่วงหน้าแล้วจำนวน 76.9% ของทั้งหมด แต่รัฐบาลยังเผชิญปัญหาเบิกจ่ายล่าช้าอยู่ ที่สุดที่ประชุมจึงมีมติปรับเพิ่มงบประมาณกลางจากเดิม 6.06 แสนล้านบาท เป็น 6.14 แสนล้านบาท มองเป็นบวกต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากงบประมาณกลางที่เบิกจ่ายช่วงก่อนหน้าในส่วนของการลงทุนเพียง 55% หรือ 8.5 หมื่นล้านบาท ของบประมาณกลาง ในส่วนของการลงทุนรวม 1.5 แสนล้าน สร้าง Sentiment เชิงบวกให้หุ้นในกลุ่มก่อสร้าง หุ้น data center รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ 2) การนัดประชุมบอร์ดดิจิทัล วอลเล็ต หลังรองนายกฯ ยืนยันยังเดินหน้าในโครงการเงินดิจิทัล เนื่องจากมองเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง พร้อมชี้จะเห็นความคืบหน้าหลังนัดประชุมใหญ่ สร้างความหวังให้ตลาดอีกครั้ง หนุนหุ้นค้าปลีก 3) ความหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเพิ่มเติม หลังตลาดรับทราบเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ที่ 5% แต่ยังไม่มีนโยบายที่เป็นรูปธรรมในการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ล่าสุดรองผู้ว่าธนาคารกลางจีนชี้ ยังสามารถลด RRR ลงได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากมีความคืบหน้าจะเป็นบวกต่อไทยเช่นกันในฐานะคู่ค้าสำคัญ 4) วันสุดท้ายในการรับ Hearing ค่าไฟฟ้าเดือนพ.ค.-ส.ค.67 โดยค่าไฟฟ้าจะอยู่ในช่วง 4.18-5.44 บาทต่อหน่วย เฉลี่ยสูงขึ้นจากค่าไฟในช่วงต้นปีที่อยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ขณะที่ปัจจัยน่าสนใจในสัปดาห์หน้าได้แก่ ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกไทย, ดัชนี CCI สหรัฐ และ GDP 4Q66 อังกฤษ
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง: DELTA, KCE, HANA 2) งบประมาณปี 67 : READY, BBIK, AIT, UNIQ, STECH, MINT, AOT 3) Motor Show: TTB, TISCO, AH,. AMATA, WHA. STANLY 4) ค่าไฟฟ้าขึ้น: BGRIM. GPSC และ 5) Selective: MAJOR, BCP
ปัจจัยบวก
- รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเผย จีนยังมีเครื่องมือนโยบายการเงินที่เหลืออยู่และมีทางเลือกมากมาย รวมทั้งยังมีโอกาสที่จะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio – RRR) ลงได้อีก
- ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันนี้ว่า BOJ จะยังคงสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วยการรักษาจุดยืนด้านนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปอีกระยะหนึ่ง
- ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.50% สวนทางการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และทำให้กลายเป็นธนาคารกลางรายใหญ่แรกที่เริ่มยุติการใช้นโยบายการเงินเชิงคุมเข้มที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- ACEA เผยยอดขายรถใหม่ในสหภาพยุโรปปรับตัวขึ้น 10.1%y-y ในเดือนก.พ. เป็นบวกต่อหุ้น ETRON ในไทย
ปัจจัยลบ
- ผลการวิจัยในวารสารการแพทย์เดอะแลนเซต เผยอัตราการเจริญพันธุ์ในเกือบทุกประเทศนั้นจะต่ำเกินกว่าจะสามารถรักษาระดับจำนวนประชากรภายในช่วงสั้นคริสต์ศตวรรษนี้ จำนวนบุตรโดยเฉลี่ยต่อผู้หญิง 1 คน ลดลงจากเด็ก 5 คนในปี 2493 มาเป็น 2.2 คนในปี 2564
- ศูนย์รับสร้างบ้าน พีดีเฮ้าส์ เผยพิษเศรษฐกิจ-ดอกเบี้ยแพง-ค่าก่อสร้างขยับ ส่งผลราคาบ้านแพง ฉุดตลาด “รับสร้างบ้าน” ทั่วประเทศ
- กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่าการส่งออกสินค้าไทยในปี 2566 มีมูลค่ารวม 284,561.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือ 9.8 ล้านล้านบาท) หดตัว 1% โดยรายได้จากการส่งออกส่วนใหญ่ (40%) เป็นของบริษัทที่ต่างชาติเป็นเจ้าของ 100%
PICKS OF THE DAY
KCE BUY
- เป้าหมาย 41.50 / 43.00 แนวรับ 39.00
- FED ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย: จากการประชุม คณะกรรมการ FED ส่วนใหญ่ให้ความเห็นการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วง 2H67 ทำให้หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ในขณะที่ไตรมาสนี้ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลงเป็นตัวช่วยหนุน ภาพของอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับส่งออกให้ดีขึ้น
- เงินบาทอ่อนค่าช่วยหนุน: มอง 1Q67 KCE ยังฟื้นตัวได้ q-q ได้ประโยชน์จากค่าเงิน และไม่ได้มีหยุดโรงงานเหมือนในช่วง 4Q66 จะฟื้นตัวขึ้นได้จากทั้งด้านปริมาณและราคาขายที่แปลงกลับมาในรูปเงินบาท และปีนี้คาดมีกำไรเติบโตโดดเด่นกว่ากลุ่มจากฐานปีก่อนที่ต่ำ และพยายามลดต้นทุนการผลิตเคมีในปีนี้ซึ่งมีสัดส่วน 30% ของต้นทุน
TTB BUY
- เป้าหมาย 1.92 / 2.00 แนวรับ 1.80 / 1.84
- ได้ประโยชน์จาก Motor Show: TTB นั้นเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ได้ประโยชน์จากการจัดงาน Bangkok International Motor Show 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 27 มี.ค. – 7 เม.ย. 67 โดยทางผู้จัดงานนั้นคาดว่ายอดจองรถจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15 – 20% ซึ่งจะทำให้ TTB ได้ยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่เพิ่มมากขึ้น
- ปัจจัยพื้นฐานดีขึ้นต่อเนื่อง: โดยทางด้านกำไร TTB มีกำไรเติบโตขึ้น 4 ปีติดต่อกัน และมีกำไร New high ได้ 18 พันลบ.ในปีที่ผ่านมา ทางด้าน NPL ก็ลดลงต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกัน และในปีที่ผ่านมา TTB ก็ได้มีการยกระดับ pay out ratio ขึ้นเป็น 55% จากปีก่อนหน้าที่จ่าย 36% และทำให้ปันผลปี 66 มี Div. yield 5.7%