KS Daily View 25.03.2024 >>> 2 Event จับตา ประชุมบอร์ด Digital wallet ไทย/ PCE สหรัฐ กรอบ SET 1,380-1,404 จุด แนะนำ PLANB, MAJOR
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,380-1,404 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางค่าเงินบาทซึ่งล่าสุดอ่อนค่าแตะระดับ 36.40 บาทต่อ USD จากตลาดเริ่มจับตามองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าเฟดในการประชุมวันที่ 10 เมษายนนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ปรับลดดอกเบี้ยไปก่อนหน้าBOJ ส่งสัญญาณไม่รีบเร่งในการขึ้นดอกเบี้ยต่อ ขณะที่ BOE ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย พร้อมปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อปีนี้ ทำให้ Dollar index แข็งค่า การที่เงินบาทที่อ่อนค่าจะเป็นตัวผลักไม่ให้ Flow ไหลเข้าตลาด Emergin market ส่งผลให้ตลาดจะยังคงแกว่งตัว Sideway ส่วนปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ต้องติดตามได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ. ของไทย (คาดขยายตัว 4% YoY), ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.พ. ของ ธปท., การพิจารณา พรบ. งบประมาณปี 2567 ของ สว., การประชุมบอร์ดใหญ่ Digital wallet และตัวเลข Core PCE เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ (คาด +0.3% MoM และ +2.8% YoY)
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานจากแรงขายทำกำไรหลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากก่อนหน้านี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดทำจุดสูงสุดในปีนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณในสัปดาห์นี้ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ในขณะนี้ว่า มีโอกาสราว 71% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับ 56% ในช่วงต้นสัปดาห์ หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลง โดยหุ้นไนกี้ร่วง 6.9%หลังเตือนว่า รายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2568 จะหดตัวลง หุ้นลูลูเลมอน แอธเลทิกา ร่วง 15.8% หลังคาดการณ์รายได้และผลกำไรทั้งปีต่ำกว่าคาดการณ์ ส่วนหุ้นเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทบริการด้านขนส่งสินค้า พุ่งขึ้น 7.4% หลังเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
- ติดตามการเจรจาที่การ์ตาเพื่อให้ทั้งอิสราเอล และฮามาสหยุดยิงเป็นเวลา 6 สัปดาห์ พร้อมกับการแลกเปลี่ยนตัวประกัน และอาจขอให้ทางกลุ่มฮูตีหยุดการโจมตีเรือบริเวณทะเลแดงด้วย ซึ่งข่าวดังกล่าวจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบ และค่าระวางเรือในภาพรวม
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินยอดขายรถปีนี้ ลบ 3% หรืออยู่ที่ระดับ750,000 คัน จากปัจจัยท้าทายด้านเศรษฐกิจ-กำลังซื้อ ชี้ค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ เร่งทำกลยุทธ์ราคาตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะกลุ่มที่ยอดขายหดตัวลงมากในปีที่แล้ว-กลุ่มรถ EV ที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งประเมินกลยุทธ์ลดราคาอาจทำได้เพียงพยุงตลาดให้ติดลบในระดับsingle digit มองเป็น sentiment ลบกับกลุ่มชิ้นส่วน และ Leasing ในประเทศ
- ติดตามทิศทางการเติบโตของตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียน ปีนี้มีโอกาสโต 10-20% จากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ธนาคารเข้มงวดสินเชื่อ ทำให้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ในปี 2567 จะยังขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการสินเชื่อที่มีอยู่ เพราะลูกค้าที่มีรถและโฉนดที่ดินสามารถนำมาขอสินเชื่อได้ด้วยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 18% ต่อปี อย่างไรก็ตามแนวโน้มการแข่งขันใน segment นี้ยังคงรุนแรงโดยมีเจ้าใหม่ที่ต้องการเข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากผลตอบแทน (Yield) ที่ดีกว่าธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งเจอปัญหาขาดทุนรถยึดหรือเพดานอัตราดอกเบี้ย ซึ่งล่าสุดธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เพิ่งได้ License ในช่วงปลายปี 2566 เพื่อประกอบธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ จะเริ่มกลางปี 2567 รวมถึงจะขยายธุรกิจเช่าซื้อครอบคลุมทั้งในส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์อีกด้วย
Daily pick
PLANB : ราคาพื้นฐาน 9.37 บาท
กระแสฟุตบอลไทยที่มาแรงจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ในส่วนการบริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้นหากทีมชาติไทยสามารถทะลุเข้าไปในรอบ 3 โดยในรอบนี้จะมี 18 ทีม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม แข่งขันแบบเหย้า-เยือน ซึ่งทีมอันดับ 1 และ 2 ของทั้ง 3 กลุ่ม รวม 6 ทีม จะได้ตั๋วผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 ขณะที่การรวมตลาด OOH จะสร้างอำนาจในการกำหนดราคาหนุน GPM ดีขึ้นในระยะยาว ประเมินกำไรปี 2567 โต 30% YoY
MAJOR : ราคาพื้นฐาน 19.39 บาท
คาดกำไรปกติปี 2024 เติบโต 47% YoY หนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ, การผลิตหนังไทยร่วมกับผู้ให้บริการเนื้อชั้นนำในประเทศ และการขยายช่องทางการจำหน่ายป๊อบคอร์นนอกโรงภาพยนต์ นอกจากนี้เราคาดว่าMAJOR จะไม่ขายหุ้นซื้อจำนวน 65.53 ล้านหุ้น หรือ 7.32% ของหุ้นที่ชำระราคาแล้ว เพราะต้นทุนเฉลี่ย 15.21 บาท ยังคงสูงกว่าราคาบนกระดานที่ 14.80 บาท โดยมีกำหนดขายคืนระหว่าง 17-30 เม.ย. นี้
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ : ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของไทยเดือน ก.พ. (จะรายงานในสัปดาห์นี้) คาดขยายตัว 4% YoY และ 3.8% YoY ตามลำดับ และคาดไทยจะขาดดุลการค้า 573 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศ ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ (New home sales) สำหรับเดือน ก.พ. ตลาดคาดที่ 6.73 แสนยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 6.61 แสนยูนิต และติดตามรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิต Dallas Fed Manufacturing index สำหรับเดือน มี.ค. ตลาดคาดที่ -8 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -11.3 จุด
- วันอังคาร : ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ (Durable goods orders)สำหรับเดือน ก.พ. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.0% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 6.1% MoM และต่อด้วยติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CB Consumer Confidence) สำหรับเดือนมี.ค. ตลาดคาดที่ 106.7 จุด ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
- วันพุธ : ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (Economic sentiment)และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) โดยเป็นข้อมูลดัชนีของยุโรปสำหรับเดือน มี.ค. ตลาดคาดดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจลดลงจาก95.4 มาอยู่ที่ 95.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น -14.9 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -15.5
- วันพฤหัสฯ : ติดตามตัวเลข GDP สำหรับ 4Q23 ของสหรัฐฯ โดยเป็นการประกาศครั้งที่ 3 เพื่อทบทวนปรับปรุงตัวเลข ตลาดคาดจะรายงานที่ 3.2% QoQ เท่ากับที่ประกาศครั้งก่อนหน้า ต่อด้วยตัวเลขดัชนีภาคการผลิต Chicago PMI สำหรับเดือน มี.ค. ตลาดคาดที่ 45 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 44 จุด
- วันศุกร์ : ติดตามตัวเลขดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคพื้นฐาน (Core Personal Consumption Expenditure Index) สำหรับสหรัฐฯ ของเดือน ก.พ. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.3% MoM และ 2.8% YoY