Daily Focus 2024: Selective Play // Hold after Accumulated
SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index พักตัวลงต่อเนื่อง ผิดจากที่เราประเมินและอ่อนแอกว่าคาด ดัชนีปิดลบอีก 8.55 จุด ที่ระดับ 1,372.49 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.1 หมื่นลบ. กลุ่มที่ถ่วงดัชนี ได้แก่ พลังงาน ธนาคาร สื่อสารฯ อาหาร ท่องเที่ยว การแพทย์ เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวขณะที่กลุ่มที่ปรับตัวบวกสวนตลาดมีเพียงอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2.3 พันลบ. และ 1.1 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures เร่งขึ้นเป็น 3.3 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,366-1,380 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังขาดปัจจัยบวกใหม่ แต่กลุ่มพลังงานคาดว่าจะประคองตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นจากสถานการณ์การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงรัสเซียที่จะปรับลดกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับการประชุม OPEC+ ส่วนปัจจัยที่ตลาดรอติดตามสัปดาห์นี้ คือ เงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ก.พ. ช่วงปลายสัปดาห์ ซึ่งตลาดยังมองว่าจะยังอยู่ในทรงสูง (คาด Core PCE +0.3% m-m, +2.8% Y-Y) และเป็นช่วงวันหยุด Good Friday ของตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ. (ตลาดคาด +4.3% y-Y) ส่วนงบประมาณประจำปี 2567 จะเข้าพิจารณาในวุฒิสภาวันที่ 26 มี.ค. ซึ่งคาดว่าไม่มีปัญหา โดยมีกำหนดนำขึ้นทูลเกล้าฯ 3 เม.ย. โดยเราเชื่อว่าจะหนุนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและทำให้โมเมนตัมของการลงทุนภาครัฐให้เร่งตัวขึ้นหลังติดลบแรงในไตรมาสก่อนๆหนุน GDP ทยอยเร่งตัวใน 2Q24 และโดยเฉพาะ 2H24 ระยะสั้นดัชนีมีโอกาสย่อตัวลงทดสอบบริเวณ Low เดิม 1,350-1,360 จุด จากโมเมนตัมที่ดูอ่อนแรงกว่าที่คาด แต่เราเชื่อว่ายังมีโอกาสฟื้นตัวจากระดับดังกล่าว ตามทิศทางกำไรบจ.และ GDP ที่จะทยอยฟื้นตัวตลอดทั้ง
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด
หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC
FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR
หุ้นเด่นวันนี้ : NSL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
- ระยะสั้นแนวโน้ม 1Q24 ยังโตได้ตามเป้า ซึ่งจะทำให้ในแง่ q-q มีลุ้นทรงตัวที่ระดับนิวไฮได้สวนทางฤดูกาล ส่วนภาพทั้งปี 2024 ยังสดใสโดยบริษัทตั้งเป้ารายได้รวม +19% y-y มาจากการโตตาม 7-Eleven, Food service, NSL brands + BAW
- ผู้บริหารตั้งเป้าพลิกฟื้นผลการดำเนินงานบริษัทร่วม Pen 1 และ BAW และ BEV ให้มีกำไรในปีนี้ เราเริ่มเห็น Upside ต่อประมาณการของเราราว 4-5% บนสมมติฐานรายได้ที่ยังต่ำกว่าเป้าของบริษัท และหากสามารถบรรลุเป้าที่จะไม่รับรู้ขาดทุนจาก 3 บริษัทลูก รวมถึงการะชำระคืนหนี้ธนาคาร
- แนวรับ 20.60-20.50//20 บาท แนวต้าน 21//21.50 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$242 ล้าน โดยไหลออกจากไต้หวัน US$280 ล้าน แต่ยังไหลเข้าเกาหลีใต้ US$114 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศประเทศละ US$4-29 ล้าน โดยสูงสุดที่ไทย ต่ำสุดที่ฟิลิปปินส์ แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก หลังขาดปัจจัยบวกใหม่ระยะสั้น ตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯช่วงปลายสัปดาห์
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) BBL คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1.04 หมื่นลบ +18% q-q, +3% y-y หนุนจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงานหลังพ้นช่วงฤดูกาล รายได้จากธุรกิจหลักทั้ง NII และ non-NII ยังเติบโตได้แม่ไม่ได้สูงมาก q-q ขณะที่คาด NIM คาดขยับขึ้นที่ 3.20% ซึ่งยังเห็นแรงส่งที่ดีจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วง 4Q23 คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในวิสัยที่บริหารจัดการได้ คาด NPL ratio เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ 3.26% คาด BBL ยังคงนโยบายระมัดระวังในการเพิ่มสำรองเพื่อรองรับสินเชื่อรายใหญ่อย่าง ITD ที่ยังมีประเด็นเรื่องสภาพคล่อง แม้จะจัดชั้นสินเชื่อใน stage 2 แล้ว แต่การตั้งสำรองอาจไม่ได้ครบ 100% คงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2024-26 และราคาเป้าหมาย 191 บาท ยังคำแนะนำ “ซื้อ”
(+) ITEL ได้อานิสงส์จากงบประมาณ 2 ปีในปีนี้ โดย ณ สิ้นปี 2023 ITEL มี Backlog 2,769 ล้านบาท ราว 65% รับรู้ในปี 2024 เท่ากับประมาณการรายได้ของเรา secure ไปแล้ว 53% แนวโน้ม 1Q24 อาจมีกำไรทางบัญชีจากการซื้อ GLS ต่ำกว่าบุ๊ค คงประมาณการกำไรปี 2024 กลับมาโต +16% y-y เป็น 319 ลบ. และราคาเป้าหมาย 4 บาท Valuation ถูกเกินไป แนะนำ “‘ซื้อ”
(+) ILINK การเติบโตของกลุ่มในปี 2024 มาจาก ITEL ขณะที่ธุรกิจของ ILINK คาดโตชะลอจากที่เติบโตสูงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเซ็นสัญญาโครงการเกาะสมุยจะเป็น upside ต่อประมาณการ เราคงประมาณการกำไรปี 2024 ลดลง -6% y-y เป็น 502 ลบ. ซึ่งยังเป็นระดับที่ดีมากของบริษัท โดยหลักมาจากการลดลงของรายได้ EPC และอัตรากำไรขั้นตันของธุรกิจ Distribution ที่ลดลงสูงระดับปกติ แรงขับเคลื่อนในปี 2024 จะเป็น ITEL แทนที่แทบไม่เติบโตในปี 2023 เพราะงานประมูลต่างๆ เลื่อนตามงบประมาณการภาครัฐ คงราคาเป้าหมาย 9.50 บาท Valuation ถูก แนะนำ “ซื้อ” รับปันผล Div. yield เฉลี่ยปีละ 5%
(0) SISB มุ่งขยายโรงเรียนที่เปิดดำเนินการในปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีก 1,800 ที่นั่ง ในช่วงปี 2024-25 โดยเมื่อการขยายโรงเรียนแล้วเสร็จจะสามารถรับนักเรียนที่ลงทะเบียนได้ทั้งหมด 8,365 ที่นั่งในเดือน ส.ค. 2025 จาก 6,715 ที่นั่ง สิ้นปี 2023 หรือ +25% จากความต้องการที่แข็งแกร่งคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 เติบโต 36%/18%/17% ตามลำดับ และคาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 210-215 ลบ. ทรงตัว q-q จากจำนวนนักเรียนใหม่ที่เพิ่มขึ้น 70 คน ในช่วง 1QTD ใกล้เคียงกับ 4Q23 ยังให้ราคาเป้าหมาย 42 บาท แต่ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก upside ที่จำกัด
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 162.26 จุด หรือ -0.41% ปิดที่ 39,313.64 จุด เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ซึ่งเป็นข้อมูลเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้น และนักลงทุนขานรับแนวโน้มที่ธนาคารกลางรายใหญ่ต่าง ๆ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดทรงตัวหลัง หลังตลาดในภมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้า ที่ได้รับแรงหนุนจากการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดตามคาดในการประชุมครั้งที่ผ่านมา
(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 36.35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.08%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 81.95ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียมีคำสั่งควบคุมการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากข่าวการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในรัสเซียและยูเครน ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 82.16 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.26%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 16.40 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 2,176.40ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากการที่เฟด ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ซึ่งเป็นข้อมูลเงินเฟ้อ ที่เฟดให้ความสำคัญ ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,193.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.20%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 835.33/ –
