Daily Focus: Selective Play // Hold after Accumulated

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways โดยปิดบวกได้อีกเล็กน้อย 3.60 จุด ที่ระดับ 1,380.83 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางเพียง 3.2 หมื่นลบ. กลุ่มที่หนุนดัชนี ได้แก่ ท่องเที่ยว วัสดุก่อสร้าง ขนส่ง อสังหาฯ เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ถ่วงตลาด คือ อิเล็กทรอนิกส์ บรรจุภัณฑ์ ธนาคาร สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอีก 449 ลบ.และ 678 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures ราว 7 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways บริเวณ 1,375-1,385 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่คาดว่ายังคงเบาบาง ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่และอยู่ในโหมด Wait and See เนื่องจากเข้าใกล้วันหยุด Good Friday และรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ก.พ. คืนวัน ศุกร์ซึ่งตลาดยังมองว่าจะยังอยู่ในทรงสูง (คาด Core PCE +0.3% m-m, +2.8% y-y) ขณะที่นายวอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกบอร์ดผู้ว่าการเฟดมองว่าการปรับลดดอกเบี้ยของ FED อาจน้อยลงจากตัวเลขเงินเฟ้อในระยะหลังที่ลงช้า ส่วนปัจจัยในประเทศนอกเหนือจากงบประมาณประจำปี 2567 ที่ผ่านการเห็นชอบทั้ง 2 สภา และเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯสัปดาห์หน้า ยังมีพัฒนาการของนโยบายเงินดิจิทัลที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 10 เม.ย. โดยคาดว่าจะมีการใช้เม็ดเงินจากงบประมาณแทนการกู้ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มจ่ายเงินได้ใน 4024 หากเกิดขึ้นจริงๆจะเป็น Upside ต่อประมาณการเศรษฐกิจในปี 2024-25 ภาพรวมเรายังให้น้ำหนักว่าดัชนีมีแนวโน้มผ่านจุด ต่ำสุดไปแล้วตามเศรษฐกิจและกำไรบจ. ขณะที่การฟื้นตัวจะทยอยเกิดขึ้นใน 2024 โดยเฉพาะ 2H24 จากแรงหนุนของการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ หนุนเครื่องยนต์หลักทั้งการบริโภคเอกชนการท่องเที่ยวและส่งอกที่ฟื้นตัว

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด

หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : KCG

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท
  • โมเมนตัมรายได้ 1QTD ยังโตดี y-y และมี gross margin ยังยืนสูง ขณะที่ 2H24 SG&A มีแนวโน้มลดลงจากโครงการ logistic park ที่จะเริ่มดำเนินงาน ระยะยาวมีแผนขยายกำลังผลิตเนยอีก 25% คาดเสร็จ 2025
  • เราคาดกำไรปี 2024 จะมีลุ้นทำ New High ต่อเนื่องที่ 349 ลบ. +14% y-y บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2024 เติบโต double-digit จากการขยายฐานลูกค้าและออกสินค้าใหม่ ส่วน Gross Margin น่าจะยืนที่ 30% โดยต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมยังทรงตัวและส่วนใหญ่ล็อกราคาไว้แล้วราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE ไม่แพงเพียง 15 เท่า
  • แนวรับ 9.65-9.60//9.40 บาท แนวต้าน 9.80//10 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมยังผสมผสาน สุทธิแล้วพลิกมาไหลออกจาก ภูมิภาคบางๆ US$97 ล้าน เม็ดเงินไหลออกจากไต้หวัน US$236 ล้าน แต่ยังไหลเข้าเกาหลีใต้ US$236 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกเกือบทุกประเทศ นำโดยเวียดนามและอินโดนีเซียประเทศละ US$54-76 ล้าน มีเพียงไทยที่ยังไหลเข้าอีก US$19 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังผสมผสานโดยตลาดยังรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ คืนวันศุกร์ซึ่งเป็นวันหยุด Good Friday

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มธนาคาร เราคาด 7 ธนาคารที่เราศึกษาจะรายงานกำไรสุทธิรวม 1Q24 ฟื้นตัวเป็น 5 หมื่นลบ, +19% q-q จากฐานต่ำใน 4Q23, +1% Y-Y โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ที่ลดลง ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังเป็นประเด็นที่ต้องกังวลแต่คาดสามารถบริหารจัดการได้ แม้คาด NPL ใหม่ 1Q24 จะไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องจาก 4Q23 ส่วนมากจากกลุ่ม SME และรายย่อยหลังสิ้นสุดโครงการพักชำระหนี้สิ้นปี 2023 สอดคล้องกับประเด็นปัญหา ITD ที่แสดงออกมาให้เห็นมากขึ้น โดยรวมกลุ่มธนาคารยังขาดปัจจัยบวก พร้อมกับการเติบโตของกำไรสุทธิที่คาดว่าจะชะลอตัวในช่วงปี 2024-26 เรายังคงให้น้ำหนักน้อยกว่าตลาด Top pick ยังเป็น TTB (ราคาเป้าหมาย 2.19 บาท) และมอง KTB (ราคาเป้าหมาย 19.90 บาท) เป็นบวกมากขึ้นหลังตั้งสำรอง ITD 100% แล้ว

(0) กลุ่มโรงไฟฟ้า กกพ, มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเรียกเก็บในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2024 คงเดิม ที่ 39.72 สตางค์/หน่วย ทั้งนี้ เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาท/หน่วยแล้ว ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ยเป็น 4.18 บาท/หน่วย เท่ากับงวดก่อนหน้านี้ เรามองเป็นกลางต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง GPSC (ราคาเป้าหมาย 59 บาท) และ BGRIM (ราคาเป้าหมาย 37 บาท) แม้จะไม่ได้ประโยชน์จากค่าไฟที่คงที่ แต่จะทยอยได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซที่ลดลงจากประมาณการผลิตในประเทศที่เพิ่มขึ้นและราคาก๊าซในตลาดโลกที่ปรับลงต่อเนื่อง

(+) กลุ่มท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ 12 (18 -24 มี.ค. 24) ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1% w-w และโต 43% Y-y อยู่ที่เฉลี่ย 9.3 หมื่นคน/วัน และคิดเป็นการฟื้นตัวประมาณ 80-85% pre-Covid นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเป็นอันดับ 1 ที่ 1.9 หมื่นคน/วัน (+3% w-w และ 117% y-y) คิดเป็นการฟื้นตัวประมาณ 60% pre-Covid ส่วนกลุ่ม non-Chinese เติบโต 32% y-y คิดเป็น 90-95% pre-Covid โดยมีปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวอินเดีย (+13% w-w) จากช่วงวันหยุดยาว เรามองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงแรมในประเทศอย่าง ERW CENTEL AWC อย่างไรก็ตามในเชิง Valuation เราชอบ MINT และโดยเฉพาะ SHR มากกว่าและมองว่าเป็นจุดเข้าซื่อที่ดี เนื่องจากกำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดกำไรปกติจะเติบโตก้าวกระโดด 3 เท่า เป็น 307 ลบ.ในปี 2024 ราคาเป้าหมาย 4 บาท Valuation ถูก เทรด PBV 0.6 เท่า

(+) FSSIA Portfolio Update เราถอด MINT ออกจากและเพิ่ม SHR เข้า ทำให้ Top Pick ของเราล่าสุด ได้แก่ AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR. (กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ของ AOT)

(-) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 477.75 จุด หรือ +1.22% ปิดที่ 39,760.08 จุดโดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE และการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่หุ้น H&M ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่นรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 9 เดือน ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก สอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ โดยมีตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวทำจุดสูงสุดใหม่

(0) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.12%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 27 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 81.35 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐ นอกจากนี้การแข็งค่าของดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดน้ำมัน ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 81.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.57%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 13.50 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 2,212.70ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการที่เฟด ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,208.40 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -0.19%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 830.15/ –

- Advertisement -