รอติดตามการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ คืนนี้
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 1.2% ขณะที่ S&P500 ปิดทำ New High ได้แรงหนุนจากการปรับลงของ US Bond Yield ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.2% หลังจากสหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันดิบและเบนซินปรับขึ้นสวนทางกับคาดการณ์ว่าจะลดลง
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญมีเพียงรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ 3.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.7 ล้านบาร์เรล ส่วนการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เมื่อคืนพบว่า US Bond Yield แกว่งลงเล็กน้อยสำหรับอายุ 10 ปี อย่างไรก็ตาม Dollar Index ยังคงปรับขึ้นแข็งค่าแต่ราคาทองคำและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ปรับขึ้น สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวรายสินทรัพย์ที่ไม่มีทิศทางชัดเจน แต่การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนพบว่า Sector ที่ Outperform สูงสุด ได้แก่สาธารณูปโภค (+2.8%) อสังหา (+2.4%) แต่ Technology ค่อนข้าง Underperform (+0.1%) การเคลื่อนไหวของ Sector ข้างต้นสะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยที่อาจปรับลงช่วงถัดไปโดย CME FED Watch ให้น้ำหนักปรับลงในช่วงเดือน มิ.ย. ราว 60% แต่เดือน พ.ค.ยังให้ความน่าจะเป็นในการคงดอกเบี้ยไว้ด้วยน้ำหนัก 93% ซึ่งมองเป็นบวกกับตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ GDP ครั้งสุดท้ายของสหรัฐฯ สำหรับไตรมาส 4Q23 Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 3.2%QoQ พร้อมกับผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.12 แสนราย
สำหรับปัจจัยในประเทศวานนี้กระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬารายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 1 ม.ค. – 24 มี.ค. ที่ 8.7 ล้านราย (+44%YoY) และช่วง 24 วันแรกของเดือน มี.ค. อยู่ที่ 2.33 ล้านรายหรือเฉลี่ยวันละ 9.7 หมื่นราย ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดือน ก.พ. ที่เฉลี่ยในช่วงนั้น นักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 1.1 แสนรายแต่ก็เชื่อว่าเป็นเพียงปัจจัยฤดูกาลและ เม.ย. อาจเร่งตัวขึ้นอีกครั้งเพราะเทศกาลสงกรานต์ นักท่องเที่ยวที่เป็นสัดส่วนอันดับ 1 ได้แก่ จีน อันดับ 2 มาเลเซีย โดยปัจจัยบวกได้แก่ความเชื่อมั่นจาก Free Visa รวมถึงการมีวันหยุดในปลายประเทศ อาที อินเดียและโนว์รูซ์ (ปีใหม่ อีหร่าน) และ ช่วง 4Q ก็คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเร่งขึ้นอีกครั้งตามฤดูกาล จึงคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวเช่นเดิม
วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวกรอบ 1370 – 1390 กลยุทธ์การลงทุนยังคงมุมมองเชิงบวกต่อระดับ Valuation ปัจจุบันและมองเป็นโอกาสทยอยสะสมได้เช่นเดิม เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่อย่างเช่นกลุ่ม ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) สนามบิน (AOT) โรงแรม (CENTEL) ศูนย์การค้า (CPN) กลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) อสังหาริมทรัพย์ (AP SPALI) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ส่งออก (ITC TU) เครื่องดื่ม (TACC)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 13.90 บาท)
ผู้บริหารวางกลยุทธ์ 3S เพื่อหนุน SSSG โต 3%YoY ในปี 2024 และยอดขายสาขาใหม่อีกราว 3%-4% ขณะที่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ช่วง QTD ใน 1Q24 ยังทรงตัว YoY (HomePro +0.5%, Mega Home -3.0%, HomePro Malaysia -0.5%) แม้ว่าจะมีมาตรการ Easy E-Receipt ของรัฐบาลในช่วง 1 ม.ค.2024 – 15 ก.พ. 2024 ช่วงหนุน SSSG เดือนก.พ. 2024 เป็นบวกราว 1%-2% ทำให้ทั้งเดือน ก.พ. +4%YoY คาดเห็นการฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2H24 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ILM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)
มีมุมมองเชิงบวกต่อแผนการเติบโตของบริษัท โดยที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 11% ช่วง YTD’2024 เราเชื่อว่ามาจากความกังวลเรื่องโครงการอสังหาที่มีแนวโน้มเปิดตัวน้อยลงในปี 2024 ประกอบกับอาจได้รับผลจากฐานรายได้ที่สูงของกลุ่มลูกค้าท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแรงในปี 2023 ซึ่งเรามองว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เดือน ม.ค.-ก.พ. 2024 เป็นบวกราว 10% และยอดขายช่องทางออนไลน์เติบโต 30%YoY ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มความต้องการที่ยังเติบโตแข็งแกร่งจากลูกค้าที่ซื้อเฟอร์นิเจอร์ไปใส่บ้านที่มีอยู่แล้ว