นายทัตซึยะ โคโนชิตะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) ประกาศว่า เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัทในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.ฟ. 21/2566 ซึ่งเป็นคำตัดสินที่ทำให้บริษัทหลุดพ้นจากสภาวะพักชำระหนี้ จึงไม่ต้องพิจารณาคำร้องหรือคำคัดค้านใด ๆ จากบริษัทเจทรัสต์ เอเชีย พีทีอี จำกัด (“เจทีเอ”) อีกต่อไป
คดีข้างต้นเป็นคดีที่เจทีเอยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัทเป็นครั้งที่สาม โดยในครั้งนี้เจทีเอกล่าวอ้างทำนองว่า เมื่อบริษัทอยู่ในสภาวะพักชำระหนี้ บริษัทไม่ควรชำระค่าที่ปรึกษากฎหมายและค่าทนายความ รวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับคดีที่เจทีเอเป็นผู้ดำเนินคดีเองด้วย ทั้งนี้ สำหรับบริษัทหรือบุคคลที่มีคดีความในศาล การชำระค่าที่ปรึกษาและค่าทนายความเป็นการดำเนินงานตามปกติธุรกิจที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายไทยและเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อการคุ้มครองสิทธิอันชอบธรรมของตนเอง การที่เจทีเอคัดค้านการชำระค่าที่ปรึกษากฎหมายส่อให้เห็นว่า เจทีเอมีเจตนาบีบบังคับบริษัทแม้ด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม หากผู้มีคดีความในรัฐสมัยใหม่เช่นประเทศไทยจะต้องห้ามมิให้ชำระค่าที่ปรึกษากฎหมาย ผู้นั้นจะปกป้องสิทธิของตนเองได้อย่างไร บัดนี้ บริษัทเห็นว่า เจตนาของเจทีเอ ของเจทรัสต์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเจทีเอ และของผู้บริหารบริษัทดังกล่าว ปรากฏชัดแจ้งขึ้นแล้วว่า แท้จริงแล้วมิได้มุ่งหวังแต่เพียงขอคืนเงินลงทุนโดยสุจริต แต่น่าจะมีเจตนาร้ายแอบแฝงในการกระทำการละเมิด ซึ่งบริษัทจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายในบริษัทเพื่อให้บริษัทข้างต้นได้รับผลจากการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าของตนต่อไป
นายริกิ อิชิกามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้รับผลคดีที่ดีจากศาลล้มละลายกลาง หลังจากศาลเสร็จสิ้นการพิจารณา ศาลสั่งยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัทของเจทีเอ ซึ่งหมายความว่า บัดนี้บริษัทหลุดพ้นจากสภาวะพักชำระหนี้แล้ว ทั้งนี้ เป็นความพยายามที่ล้มเหลวเป็นครั้งที่สามของเจทีเอในการขอฟื้นฟูกิจการบริษัทในประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจทีเอยื่นคำร้องขอในคดีนี้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้ ศาลจึงยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและจะไม่พิจารณาคำคัดค้านใด ๆ จากเจทีเอ รวมทั้งคำคัดค้านเรื่องการชำระค่าฤชาธรรมเนียมของบริษัทอีก โดยบริษัทเชื่อมั่นในคำตัดสินคดีของศาล