วันนี้คาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,368 / 1,357 แนวต้าน 1,375 / 1,380
GDP 4Q’66 ของสหรัฐออกมามากกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.4% แต่เรายังคาดแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐยังกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้อยู่ ในส่วนของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศคาดตลาดหุ้นไทยจะให้น้ำหนักต่อการประชุม กนง. ในวันที่ 10 เม.ย. นี้มากขึ้น
Our View? “รักเราต้องอดทน”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับ ที่บริเวณ 1,368 / 1,375 และแนวต้านที่บริเวณ 1,375 / 1,380 เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการรายงานตัวเลข GDP 4Q’66 ของสหรัฐออกมา +3.4%QoQ มากกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่การรายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด
โดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ระดับ 2.10 แสนตำแหน่ง และตัวเลขการว่างงานต่อเนื่องที่ระดับ 1.81 ล้านราย อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าการแนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดย Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลยังพยายามปรับตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุดอยู่ที่ระดับ 104.37+/- จากการที่คุณคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) แสดงความคิดเห็น FED ยังไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งเรามองว่าธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกันอาทิ ECB และ BOE คาดจะหนุนทิศทางค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นได้ต่อ มองเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินในตลาดภูมิภาคอ่อนค่าและเป็นปัจจัยลดทอนความน่าสนใจของตลาดในภูมิภาคได้ต่อ ทั้งนี้เรายังมองตลาดจะติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.พ. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ FED ให้ความสำคัญและสะท้อนถึงทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐล่าสุดตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ +0.4%MoM/+2.5% YoY
ในส่วนของการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) โดยรุ่นอายุ 10 ปี เริ่มปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ต่ำกว่าระดับ 4.20%+/- มองจะเป็นปัจจัยส่งผลให้ทิศทางราคา สินทรัพย์เสี่ยงกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับตัวขึ้นปิดที่ระดับ 83.17 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.82 ดอลลาร์ (+2.24%) คาดจะได้รับแรงหนุนจากความกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวหลัง รัสเชียควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมันตามเป้าหมาย อีกทั้งคาด OPEC+ จะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายปรับลดกำลังการผลิตแต่อย่างใดในการประชุม OPEC+ ในสัปดาห์หน้า แม้จะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ตาม อีกทั้ง Baker hughes รายงานจำนวนแท่งขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลง 3 แท่นสู่ระดับ 621 แท่น บ่งชี้แนวโน้มอุปทานน้ำมันในสหรัฐลดลง คาดจะหนุนทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานประคองตลาดได้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามองตลาดในเดือน เม.ย. จะให้ความสนใจกับการประชุม กนง. ในวันที่ 10 เม.ย. มากขึ้น โดยตลาดเริ่มมองว่า กนง. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดยเรามองเป็นทั้งปัจจัยบวกและลบต่อตลาดหุ้นไทยได้
อย่างไรก็ดีเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยตั้งแต่ต้นปี-17 มี.ค. ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 8.07 ล้านราย โดยเป็นนักท่องเที่ยวจีนกว่า 1.5 ล้านรายจากมาตรการฟรีวีซ่า ซึ่งเป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงแนวโน้มในการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้าเป้าที่ระดับ 35 ล้านรายในปีนี้ได้ มองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT, AWC, CENTEL และ MINT) รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเข้ามาของชาวจีนอาทิ EKH และ SAFE จากการใช้บริการผู้มีบุตรยาก
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “EKH”
- นักวิเคราะห์ของเราคาดการณ์กำไรปกติ 1Q’67 จะเติบโตสูง Double Digit YoY จาก 1.) จำนวนคนไข้ใช้ ร.พ. มากขึ้น 2) การเข้าใช้บริการ IVF ของลูกค้าชาวจีนให้ทันในปีมังกร และยังได้แรงหนุนจากมาตรการฟรีวีซ่า
- ทางเทคนิค ราคาอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับที่ EMA200 วัน ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ยังอ่อนกำลังอยู่
- แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม”
- แนวรับ 7.65 / 7.40 Target 8.00 / 8.25 Stop <7.35