ภาคผลิตสหรัฐฯ ดีกว่าคาดการณ์ ส่งผลเงินบาทอ่อนค่า

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.6% นักลงทุนกังวลกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากรายงาน PMI แข็งแกร่ง ด้านราคาน้ำมันดิบปิดบวก 0.7% ขานรับอุปสงค์ฟื้นตัวจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐฯ

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (ISM PMI) ที่ 50.3 จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่เพียง 47.8 และดีกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 48.5 ภายหลังจากทราบตัวเลขข้างต้น นักลงทุนดูกลับมากังวลกับภาวะดอกเบียและเงินเฟ้ออีกครั้ง สะท้อนผ่านมาปรับขึ้นของ US Bond Yield ทั้งรุ่นอายุ 2, 10 ปี พร้อมกับการแข็งค่าต่อเนื่องของ US Dollar ซึ่ง Dollar Index ปรับขึ้นทดสอบระดับ 105 New High ในรอบ 6 เดือน โดยความเห็นจาก CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนักคงดอกเบี้ย 98% ในการประชุมเดือน พ.ค. และเดือน มิ.ย. ปรับลดดอกเบี้ย 61% แต่ก็เริ่มเห็นการคงดอกเบี้ยมากขึ้นด้วยน้ำหนัก 38% ขณะที่เช้านี้เงินบาทปรับขึ้นทดสอบ 36.6 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือน ระยะสั้นมองเป็นบวกกับกลุ่มส่งออก (ITC TU) มองเป็นหุ้นที่น่าสนใจด้วยเงินบาทอ่อนค่าประกอบ กับได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวเพราะมีรายได้หลักในสหรัฐฯ (TU)

สำหรับตัวเลข PMI ที่ออกมาดีนั้น เบื้องต้นจากการตอบสนองของตลาดหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้ว่านักลงทุนยังไม่ได้กังวลมากนัก เพราะยังเห็นการปรับขึ้นของตลาดหุ้น Nasdaq และ Dow jones ก็ปรับฐานเพียงเล็กน้อย ส่วนคืนนี้รอติดตามตัวเลขตำแหน่งเปิดรับสมัครงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 8.76 ล้าน หากรายงานแล้วแย่กว่าคาดการณ์จะเป็นบวกกับตลาดหุ้น

สำหรับปัจจัยในประเทศวานนี้ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬารายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง ม.ค. – 31 มี.ค. พบว่าอยู่ที่ 9.37 ล้านคน (+44%YoY) โดยนักท่องเที่ยวอันดับแรก ได้แก่ จีนที่เดินทางมาราว 1.75 ล้านคน มาเลเซีย 1.1 ล้านคน รัสเซีย 6.2 แสนคน เกาหลี 5.5 แสนคน อินเดีย 4.7 แสนคน รวมไตรมาสแรกสร้างรายได้เข้าประเทศไทยราว 4.54 แสนล้านบาท หรือทั้งปีคาดว่าจะได้รายได้จากการท่องเที่ยวของต่างชาติราว 1.6 – 1.8 ล้านล้านบาท กลับไปใกล้เคียงกับปี 19 ที่ 1.9 ล้านล้านบาท

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1370 – 1390 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังมองระดับปัจจุบันเป็นโอกาสสะสมสำหรับลงทุนระยะกลาง – ยาว ด้วยระดับ Valuation ที่น่าสนใจเน้นหุ้นใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ธนาคารพาณิชย (BBL KBANK SCB) ศูนย์การค้า (CPN) เครื่องดื่ม (TACC) ขนส่ง (BEM)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.10 บาท)

เราคาดว่า 1Q24 TU จะมีกำไรสุทธิ 931 ล้านบาท (-9%YoY) และพลิกจากที่ขาดทุนกว่า 17,170 ล้านบาท ใน 4Q23 แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรปกติจะโต 16% YoY เป็นผลจากกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ส่วนเทียบกับ 4Q23 จะลดลง 23%QoQ เพราะเป็นช่วง Low Seasons ของธุรกิจอาหารแช่แข็ง

PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 191.00 บาท)

ได้รับแรงหนุนจากโปรเจค Abu Dhabi Offshore 2 และ MOZ LNG ช่วยหนุนปริมาณการขายในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่รายงานกำไรในช่วง 4Q23 ที่ 1.83 หมื่นล้านบาท สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดที่ 10% ส่งผลให้กำไรทั้งปี 2023 อยู่ที่ 7.67 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา อีกทั้งยังเป็นกำไรสูงสุดเป็นเป็นประวัติการณ์ 2 ปีติดต่อกัน แนวโน้มผลประกอบการปี 2024 คาด 7.05 หมื่นล้านบาท (-8% YoY) แต่ยังคงมากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 5.15 หมื่นล้านบาท

- Advertisement -