Daily Focus: Selective Play // Hold after Accumulated
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนบวกได้ตามคาด แต่มีแรงขายช่วงท้ายทำให้ปิดลดช่วงบวกเหลือ 1.54 จุด ที่ระดับ 1,379.48 จุด โดยมูลค่าการซื้อขายยังเบาบางเพียง 2.7 หมื่นลบ. โดยอยู่ในช่วงคาบเกี่ยววันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ของต่างประเทศ กลุ่มที่หนุนตลาด ได้แก่ ปีโตรเคมีและบรรจุภัณฑ์ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 280 ลบ. และ 900 ลบ. ตามลำดับ (และ Long Index Futures อีก 1.3 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,370-1,390 จุด กลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำคาดเป็นกลุ่มที่พยุงตลาด ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ขณะที่บรรยากาศโดยรวมมีปัจจัยกดดันจากตัวเลข ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯที่พุ่งขึ้นผิดคาด สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และอาจทำให้เงินเฟ้อลงช้า รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ที่อาจเกิดขึ้นในช่วง 2H24 แทนที่จะเป็นเดือน มิ.ย. รวมถึงจำนวนครั้งในช่วง 3 ปีข้างหน้าอาจปรับลงได้น้อยกว่าที่ปรับเมิน ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar Index พุ่งขึ้นแรงจำกัด Upside ของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆในสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตำแหน่งงานที่เปิดรับ และโดยเฉพาะการจ้างงานนอกภาคเกษตรฯ ด้านปัจจัยในประเทศติดตามตัวเลขเงินเฟ้อวันศุกร์ เรายังคงมุมมองเชิงบวกระยะกลาง-ยาวจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 ที่จะเริ่มใน 2Q24 นี้ รวมถึงนโยบายเงินดิจิทัลที่จะมีความชัดเจนวันที่ 10 เม.ย. ขณะที่การประชุมกนง.สัปดาห์หน้าหากลดดอกเบี้ยในรอบนี้จะ Surprise ตลาดและเป็นอีกแรงหนุนภาพรวม เรายังให้น้ำหนักว่าดัชนีมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตามเศรษฐกิจและกำไรบจ. ขณะที่การฟื้นตัวจะทยอยเกิดขึ้นใน 2Q24 โดยเฉพาะ 2H24
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350+- จุด
หุ้นเด่นเดือน เม.ย.: BA, CPALL, CPN, ITC, TIDLOR
FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR
หุ้นเด่นวันนี้ : NSL
- แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 30 บาท
- เราคาดกำไร 1Q24 ยังเดินหน้าทำ New High ต่อเนื่องที่ 104 ลบ. +3% q-q, +38% y-y หนุนจากยอดขายที่คาดว่ายังโตแกร่ง +22% y-y จากทั้งสินค้าเดิมและความสำเร็จของสินค้าใหม่ที่ออกตั้งแต่ 4Q23 ขณะที่ฝั่งต้นทุนยังทรงตัว ทำให้ Margin คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูง
- เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2024-25 ขึ้น 7-9% เป็น 410 ลบ. +23% y-y และ 470 ลบ.
+15% y-y ตามลำดับ จากรายได้ที่แข็งแรงกว่าคาดและขาดทุนบริษัทร่วมที่จะทยอยลดลง ล่าสุด NSL ขยาย MOU กับ 7-11 อีก 5 ปีไปสิ้นสุดปี 2031 และมีแผนขยายกำลังการผลิตใน ปี 2025-26 รองรับการเติบโต - แนวรับ 22//21.50 บาท แนวต้าน 23.20//24 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$550 ล้าน โดยกระจุกที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ US$393 ล้านและ US$248 ล้าน ตามลำดับ แต่ฝั่งอาเซียนผสมผสานและค่อนไปในทางไหลออก นำโดยอินโดนีเซีย US$95 ล้าน แต่ไหลเข้าไทย US$25 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้คาดว่าจะชะลอการไหลเข้าหลังตัวเลข ISM Manufacturing PMI สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นและอยู่ในฝั่งขยายตัวเหนือความคาดหมาย ทำให้ Bond Yield ปรับตัวขึ้นจากความ กังวลว่า FED อาจไม่รีบลดดอกเบี้ย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) PMI ภาคการผลิตของทั้งสหรัฐและจีนขยายตัวมากกว่าคาด จีนรายงานตัวเลข Caixin PMI เดือน มี.ค. 2024 ที่ 51.1 พลิกกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ดีกว่าตลาดเล็กน้อย สอดคล้องกับตัวเลขของ NBS ที่ประกาศออกมาก่อนหน้า ขณะที่ตัวเลข ISM Manufacturing PMI สหรัฐเดือน มี.ค. อยู่ที่ 50.3 เพิ่มขึ้นจาก 47.8 ในเดือนก่อนหน้า ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ 48.4 เราสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจโลกที่จะกลับมาขยายตัวดีขึ้นและดีต่อกลุ่ม ส่งออกไทย รวมถึงราคา Commodities ที่คาดมีโอกาสขยับตัวขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในทางกลับกันเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐจะอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาดได้ นั่นหมายถึงโอกาสน้อยลงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่ตลาดคาดว่าจะปรับลงครั้งแรกในเดือน มิ.ย. นี้อาจเลื่อนไปในอยู่ครึ่งปีหลัง ส่วผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 4.32% จาก 4.2% ในช่วงก่อนหน้า และจำกัด Upside ของสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้นโดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นแรงและมี Valuation ที่ดึงตัว
(+) SFLEX คาดกำไรสุทธิ 1Q24 จะเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ จากทั้งการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย Star print Vietnam (SFLEX ถือหุ้น 25%) ประกอบกับภาวะตลาดเม็ดพลาสติก PE (polyethylene) เผชิญกับปัญหา Oversupply จากกำลังผลิตใหม่จากจีนสูงถึง 7.5 ล้านตันเข้าสู่ตลาดในปี 2024 เทียบกับ 3 ล้านตันในปี 2023 ขณะที่ความต้องการยังได้รับแรงกดดันจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในภูมิภาคที่ชะลอตัว ซึ่งสถานะการณ์นี้จะเป็นผลบวกต่อ SFLEX ในแง่ของต้นทุนวัตถุดิบที่เป็นเม็ดพลาสติกจะอยู่ในระดับต่ำนาน เรายังคงประมาณการกำไรปี 2024-25 เติบโต 23%/12%/9% ตามลำดับ จากอัตรากำไรขึ้นต้นที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท SPV ตั้งแต่ 1Q24 เป็นต้นไป คงราคาเป้าหมาย 5.60 บาท Valuation ไม่แพง และมีโครงการซื้อหุ้นคืนที่จะสิ้นสุด 27 ก.ย. 2024 ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 240.52 จุด หรือ -0.60% ปิดที่ 39,566.85 จุดเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาดและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น
(0) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดทำการเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดทรงตัว หลังนักลงทุนประเมินรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของออสเตรเลีย และเกาหลีใต้
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.60%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 83.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับความหวังที่ว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีนจะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์น้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว อันเนื่องมาจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส และการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในรัสเซีย ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 84.05 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ +0.41%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 18.70 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดที่ 2,257.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนี PCE สอดคล้องกับการคาดการณ์ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,269.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.53%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 826.98/ -0.38%