Daily Focus: Selective Play // Hold after Accumulated
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาด ปิดทรงตัว -0.02 จุด ที่ระดับ 1,379.46 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 3.8 หมื่นลบ. หลังผ่านช่วงคาบเกี่ยววันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ กลุ่มที่ยังหนุนตลาดยังคงได้แก่ พลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์รับเหมาฯ ส่วนกลุ่มที่ถ่วง คือ สื่อสารฯ ธนาคาร ค้าปลีก ไฟแนนซ์ สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 468 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 1.6 พันลบ. (แต่ยัง Long Index Futures อีก 5.5 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,370-1,384 จุด ถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนจากฝั่งต่างประเทศที่เป็นลบ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯทั้ง Job Openings และ Factory Orders ที่ดีกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดกลับมากังวลว่าการลดดอกเบี้ยของ FED อาจเลื่อนออกไปอยู่ในช่วง 2H24 แทนที่จะเป็นเดือน มิ.ย. รวมถึงจำนวนครั้งอาจน้อยกว่าที่เคยประเมิน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง รวมถึงรัสเซีย-ยูเครนที่ตึงเครียดมากขึ้นเป็นอีกปัจจัยกดดันเงินเฟ้อในระยะถัดไป ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar Index ยังทรงตัวสูงหลังพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้า จำกัด Upside ของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆใน สัปดาห์นี้ ได้แก่ ISM ภาคบริการและการจ้างงานนอกภาคเกษตรฯ ด้านปัจจัยในประเทศติดตามตัวเลขเงินเฟ้อวันศุกร์ เรายังคงมุมมองเชิงบวกระยะกลาง-ยาวจากการเร่งเบิกจ่ายงบฯปี 2567 ที่จะเริ่มใน 2024 รวมถึงนโยบายเงินดิจิทัลที่จะมีความชัดเจนวันที่ 10 เม.ย. ขณะที่การประชุมกนง.สัปดาห์หน้าเรามองว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% แต่หากลดดอกเบี้ยจะ Surprise ตลาดและเป็นอีกแรงหนุน ภาพรวมเรายังให้น้ำหนักว่าดัชนีมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตามเศรษฐกิจและกำไรบจ. และมีแนวโน้มทยอยเร่งตัวขึ้นในปีนี้
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350+- จุด
หุ้นเด่นเดือน เม.ย.: BA, CPALL, CPN, ITC, TIDLOR
FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR
หุ้นเด่นวันนี้ : SFLEX
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท
- เบื้องต้นคาดกำไร 1Q24 จะทำ New High ที่ราว 50+/- ลบ. สูงใกล้เคียง high season ใน 4Q23 และได้แรงหนุนจากการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Starprint Vietnam เป็นไตรมาสแรก (SFLEX ถือ 25%)
- ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นไม่กระทบต้นทุนของ SFLEX เพราะราคาเม็ดพลาสติกกลับลดลงจาก Oversupply เรายังคงประมาณการปีนี้ +23% SFLEX มีโครงการ Treasury stock ไม่เกิน 19 ล้านหุ้น (2.3% ของทุนชำระแล้ว) สิ้นสุดโครงการ 27 ก.ย. 24
- แนวรับ 3.14-3.10//3 บาท แนวต้าน 3.40//3.50 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมยังคงไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$525 ล้าน ดีกว่าที่เราคาดจะชะลอตัว เม็ดเงินไหลเข้ากระจุกที่เกาหลีใต้ US$576 ล้าน รองลงมาคือไต้หวัน US$119 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกหนาแน่นขึ้นนำโดยอินโดนีเซีย US$111 ล้าน มีเพียงฟิลิปปินส์ที่ไหลเข้าบางๆ US$14 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้คาดว่าจะชะลอการไหลเข้าหลังตลาดยังคงกังวลว่า FED อาจลดดอกเบี้ยช้าลงและน้อยครั้งกว่าที่ประเมิน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) AAV เบื้องตันคาดกำไรปกติ 1Q24 มีโอกาสปรับขึ้นแตะ 0.8-1.1 พันลบ. เทียบกับ 0.4 พันลบ. ใน 4Q23 จาก load factor ที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 90% ทั้งตลาดในและต่างประเทศ ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารรวมเพิ่มขึ้น 7% q-q, 19% y-y อยู่ที่ 5.5 ล้านคน ใน 1Q24 อีกทั้งค่าตั๋วเครื่องบินปรับขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะผู้โดยสารเส้นทางจีนที่เพิ่มขึ้นกว่า 20-30% ในช่วงเดือนก.พ.- มี.ค. 2024 AAV ตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารปี 2024 ที่ 20-21 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 18.9 ล้านคน คาดรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20-23% และคาดจะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารราว 10-13% เรายังคงประมาณการกำไรปี 2024 และราคาเป้าหมาย 2.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) SNNP คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 160 ลบ. -3%q-q จากผลของฤดูกาล, +4% y-y จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในตลาด modern trade และเวียดนาม และอัตรากำไรขึ้นต้นดีขึ้น เราคาดแนวโน้มกำไรจะเติบโตต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2024 และจะ peak สุดใน 4Q24 จากการออกสินค้าใหม่และกำลังซื้อในเวียนนามที่ฟื้นตัว โดยคาดรายได้จากเวียนนามที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 4Q24 บริษัทตั้งเป้ารายได้ระยะยาว +15% CAGR มาอยู่ที่ 1.2 หมื่นลบ. ใน 2028 เรายังคงคาดกำไรสุทธปี 2024 ที่ 785 ลบ. +23% y-y คงราคาเป้าหมาย 22 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) SYNEX ผู้บริหารให้เป้ารายได้ปี 2024 เติบโต 10% (เราคาด 8.4%) หนุนจากการฟื้นตัวของตลาด PCs พร้อมกับสินค้าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI รวมถึง Honor ที่เติบโตต่อเนื่องกลุ่ม Commercial (22% ของยอดขาย) เชื่อว่ายอดขายจะกลับมาเติบโตเด่นใน 2H24 ภายหลังจากการอนุมัติงบประมาณ เชื่อว่าปี 2023 เป็น bottom ไปแล้ว โดยช่วงปี 2024-25 มองตลาด PCs น่าตื่นเต้นกว่า Smartphone เนื่องจากการ implementation ของ AI ที่ช่วยทั้งเรื่องการประมวลผล และ Data security โดย IDC คาดการเติบโตของตลาด PCs ทั่วโลกปี 2024-25 เติบโตเฉลี่ย 3.7% เทียบกับตลาด Smartphone ที่ 2.8% ระยะสั้นคาดกำไรปกติ 1Q24 ฟื้นตัว q-q, y-y จากมาตรการ Easy E-receipt และการเปิดตัว Samsung S24 เร็วกว่าปีที่แล้ว คงราคาเป้าหมาย 13 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 396.61 จุด หรือ -1.00% ปิดที่ 39,170.24 จุด ซึ่งเป็นการดิ่งลงติดต่อกันวันที่ 2 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานสูงกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะชะลอเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นเทสลา
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเงินเฟ้อของเยอรมนีเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่ากำหนดเวลาที่ ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ โดยตลาดกำลังเพ้งความสนใจไปที่ยอดขายของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.15%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.72% ปิดที่ 85.15 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมทั้งการที่ยูเครนและรัสเซียยังคงเดินหน้าโจมดีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของแต่ละฝ่าย ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 85.19 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.05%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 24.70 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 2,281.8ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,301.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.85%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 829.00/ +0.24%