รอติดตามผลประกอบกลุ่มธนาคาร
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.17% แต่สวนทางกับ S&P500, NASDAQ ที่ปิดในแดนลบ หลังจากประธาน FED ส่งสัญญาณว่า FED อาจจะคงดอกเบี้ยระดับสูงนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.08% ไร้ปัจจัยใหม่ๆ
Market Outlook
วันพฤหัสบดีที่ผ่านสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยายตัว 2.1%YoY ต่ำกว่า ที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.2%YoY อย่างไรก็ตาม ในคืนวันจันทร์ได้รายงานยอดค้าปลีกขยายตัว 0.7%MoM ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 0.4%MoM แต่หากไม่รวมสินค้าเกี่ยวข้องกับยานยนต์และอะไหล่จะขยายตัว 1.1%MoM หรือหมายความว่าสินค้าเกี่ยวข้องกับยานยนต์ปรับลง โดยสินค้าเกี่ยวข้องกับยานยนต์และอะไหล่ปรับลง (-0.7%MoM) โดยสินค้าที่ขยายตัวได้แก่สถานีให้บริการน้ำมัน (+2.1%MoM) ส่วนหนึ่งคาดว่าตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น และสินค้าทั่วไป (+2.1% YoY)
อย่างไรก็ตามสินค้าที่หดตัวได้แก่ เสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา สะท้อนถึงการบริโภคขยายตัวแต่เพียงสินค้าจำเป็น ภายหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่า US Bond Yield ปรับขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับการแข็งค่าของ Dollar Index โดย CME FED Watch ให้น้ำหนักคงดอกเบี้ยจนถึงการประชุมเดือน ก.ค. และจะเริ่มปรับลงในช่วงเดือน ก.ย. ส่วนปัจจัยเรื่องสงครามเชื่อว่านักลงทุนมิได้กังวลมากนักสะท้อนผ่านราคาน้ำมันที่ไม่ได้ปรับขึ้น และราคาทองคำที่เริ่มทรงตัว โดยเชื่อว่านักลงทุนจะกลับมาให้น้ำหนักกับผลประกอบการที่จะทยอยรายงานจากนี้รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่กลับมาแข็งแกร่ง ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางดอกเบี้ยของ FED โดยสัปดาห์นี้รอติดตาม (1) ใบขออนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐฯในวันพุธ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.5 ล้านใบอนุญาตและ 1.48 ล้านหลังคาเรือน (ตามลำดับ) และ (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใน วันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.15 แสนรายและยอดขายบ้านมือสองที่ 4.2 ล้านหลังคาเรือน
ส่วนปัจจัยในประเทศสัปดาห์ก่อน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพบว่าลดลงครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ผู้บริโภคกลับมากังวลเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ประกอบกับราคาพลังงานสูงขึ้น รวมไปถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่รุนแรงจะกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากนีรอติดตามผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์และสัปดาห์หน้าจะเริมที่ Real Sector โดยสัปดาห์นีประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวกรอบ 1380 – 1420 เชิงกลยุทธ์การลงทุนหากดัชนี้ปรับฐานมองเป็นโอกาสสะสมเพราะมองบวกกับดัชนีในช่วงถัดไปหนุนจากความชัดเจนของ Digital Wallet และงบประมาณภาครัฐเตรียมเบิกจ่าย ขณะที่ด้านนโยบายการเงินมีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายช่วยคลายกังวลเรื่องเงินไหลออก และช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ทุกเครื่องยนต์ จึงแนะทยอยสะสมใน SET INDEX โซนปัจจุบันเน้นที่กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT) ศูนย์การค้า (CPN) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) กลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ส่งออก (ITC TU)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.10 บาท)
คาดว่าผลประกอบการงวด 1Q24 จะมีกำไรสุทธิที่ 931 ล้านบาท (-9%YoY) โดยธุรกิจที่เติบโต ดีคือกลุ่มอาหารสัตว์เสี้ยงที่ปัญหาลูกค้า สต๊อกล้นเริ่มคลี่คลายได้แล้ว รวมกับธุรกิจอาหารแปร รูป ส่วนธุรกิจที่กดดันคือกลุ่มอาหารแช่แข็งที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการปรับลดขนาดสินค้าอยู่ รวมถึงผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท)
คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 5.0 พันล้านบาท (+32% YoY, -12%QoQ) หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่คาดว่าจะเติบโต 3.5%YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +3.5% และ Lotus’s +5.0%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q24 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน