บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
KRUNGTHAI CARD (KTC TB)
นโยบายตัดจำหน่ายใหม่จะช่วยลดหนี้ด้อยคุณภาพ
- เราคาดกำไรสุทธิ 1Q24 อยู่ที่ 1.78พัน ลบ. (+1.2 q-q, -4.8% y-y) จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง ในขณะที่ธุรกิจหลักยั้งไม่สดใส
- เราคาดว่าทั้งสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL ratio) จะลดลงและสัดส่วนสำรองต่อหนี้ด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) จะปรับขึ้นใน 1Q24 อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้ประมาณการตัวเลขการเติบโตของสินเชื่อและกำไรสุทธิปี 2024-26 ลดลง
- เราคงคำแนะนำถือ ที่ราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 45 บาท (GGM)
ธุรกิจหลักที่ไม่เอื้ออำนวยใน 1Q24
เราคาดกำไรสุทธิ 1Q24 อยู่ที่ 1.78พัน ลบ. (+1.2% q-q, -4.8% y-y) คิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปีของเรา กำไรก่อนหักสำรอง (PPOP) ที่เราคาดไว้ที่ 3.80 พัน ลบ. (ทรงตัว q-q, +3.2% y-y) จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่ลดลง สอดคล้องกับการลดลงของ Interest spread เราคาดว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ (non-NII) จะลดลง q-q ตามสถานกาณณ์สินเชื่อที่ชะลอตัว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานน่าจะลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาล ซึ่งน่าจะทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ลดลงเหลือ 36.5% จาก 39.0% ใน 4Q23 เราคาดว่าสินเชื่อจะลดลง 4.3 q-q (แต่ปรับขึ้น 4.0% y-y) ส่วนมากจากการตัดจำหน่าย NPL ที่สูงขึ้นในช่วงดังกล่าวเนื่องจาก KTC ปรับนโยบายการตัดจำหน่ายหนี้เสีย
การตัดจำหน่าย NPL จะช่วยบรรเทาการเสื่อมของคุณภาพสินทรัพย์
เริ่มตั้งแต่ใน 1Q24 KTC ได้ปรับปรุงนโยบายการตัดจำหน่ายของบริษัทฯ จากเดิมที่ในช่วงปี 2020-23 บริษัทฯ จะตัดจำหน่ายบัญชีเมื่อลูกหนี้ขาดชำระ 6 เดือนติดต่อกัน อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้ปรับนโยบายโดยกำหนดให้ตัดจำหน่ายบัญชีที่ถูกจัดชั้นเป็น NPL เป็นเวลาต่อเนื่อง 6 เดือน แม้ลูกหนี้จะมีการชำระคืนระหว่างนั้น มาตรการเชิงรุกดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบต่อตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพสินทรัพย์อันประกอบด้วย 1) สัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ที่ลดลงแรง, 2) Loan Coverage ratio ที่เพิ่มขึ้น และ 3) NPL coverage ratio ที่สูงขึ้น เราคาดว่า NPL ratio จะลดลงเหลือ 1.92% ใน 1Q24 จาก 2.17% ใน 4Q23 เนื่องจากเราคาดว่าการเปลี่ยนนโยบายจะไม่ก่อให้เกิดผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECLs) พิเศษ เราคาดว่าต้นทุนความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ (Credit costs) ใน 1Q24 จะลดลงเหลือ 5.82% จาก 5.93% ใน 4Q23 และ Coverage ratio จะจบที่ 461% ใน 1Q24 จาก 400% ใน 4Q23
ปรับลดประมาณการปี 2024-26 จากการเติบโตของสินเชื่อที่ลดลง
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 ลง 2.7-4.4% ส่วนมากเพื่อสะท้อนตัวเลขคาดการณ์ที่ลดลงสำหรับการเติบโตของสินเชื่อจากนโยบายการตัดจำหน่ายใหม่ นอกจากนี้เรายังคาดด้วยว่าแนวโน้มดังกล่าวจะทำให้ NPL ratio ลดลงเหลือ 2.1% ซึ่งจะทำให้ได้ Coverage ratio อยู่ที่ 442%/426%/423% ตามลำดับ สำหรับใน 2Q24 เราคาดว่าการตัดจำหน่ายจะยังปรับขึ้น y-y แต่ในอัตราที่ลดลงจาก 1Q24 เมื่อประกอบกับอิทธิพลของปัจจัยด้านฤดูกาล เราคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อและกำไรสุทธิจะเพิ่มในระดับปานกลาง q-q
คงคำแนะนำถือ จาก Upside ที่จำกัด และระดับการประเมินมูลค่าที่ไม่น่าสนใจ
เราคงคำแนะนำถือ สำหรับ KTC การปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-26 ของเราได้ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2024 ของเราลดลงเหลือ 45 จาก 46 บาท (GGM) ซึ่งคิดเป็นค่า PBV ratio ที่ 2.95x (LT-ROE=18%, COE=8.25%) และ Upside ที่จำกัดมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้เรายังคาดด้วยว่า 2Q24 จะเป็นปีแห่งความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมการเงินเพื่อการอุปโภคบริโภคประเภทไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันตามสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว