บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
SCG PACKAGING (SCGP TB)
ดีมานด์ที่สดใสหนุนกำไร 1Q24
- ความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษที่อยู่ในระดับสูงในอาเซียนช่วยหนุนให้ผลประกอบการ 1Q24 เราคาดว่ากำไรปกติจะอยู่ที่ 1.4 พัน ลบ. (+8% q-q, +34% y-y)
- หลังปรับประมาณการกำไรลง เราคาดว่ากำไรปกติจะโต 17%/19%/8% ในปี 2024-26
- คงคำแนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 43 บาท
คาดผลประกอบการ 1Q24 สดใสจากความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษที่อยู่ในระดับสูง
ความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษโดยรวมยังมี Momentum ที่ดีในทุกประเทศใน 1Q24 ผลักดันจากการบริโภคในประเทศอาเซียนที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิงในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) E-commerce และการฟื้นตัวของกลุ่มท่องเที่ยว เราคาดว่ากำไรปกติของ SCGP จะโตถึง 8% q-q และ 34% y-y ไปแตะ 1.4 พัน ลบ. จากปริมาณขายและราคาขายที่ปรับตัวดีขึ้นในธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษและธุรกิจเยื่อกระดาษ พร้อมการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่ EBITDA margin น่าจะปรับขึ้นเป็น 14.4% จาก 14.1% ใน 4Q23
การแข่งขันที่ลดลง ทำให้ราคาในธุรกิจ IPB และ FB ปรับขึ้น
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ทำให้ราคาขายในเกือบทุกภูมิภาคปรับขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่สูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งมีการฟื้นตัวช้าที่สุดโดยราค่าขายในตลาดอินโดนีเซียปรับขึ้นเกือบ 10% จากจุดต่ำสุดในเดือน ต.ค. 2023 ตามความต้องการในประเทศและการส่งออกไปจีนที่ปรับขึ้น เราคาดว่า EBITDA ของ Fajar อาจพลิกเป็นบวกได้ใน 1Q24 เร็วกว่าที่คาด 1 ไตรมาส หลังรายงาน EBITDA margin ที่ -2% ใน 4Q23 ซึ่งจะช่วยหนุนธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (IPB) (75% ของรายได้รวมในปี 2023) ในขณะที่ธุรกิจเยื่อและกระดาษ (FB) (20% ของรายได้รวมในปี 2023) รายงานราคาปรับขึ้นอย่าง ต่อเนื่องจากระดับสินค้าคงคลังในตลาดโลกที่อยู่ในระดับต่ำและความต้องการที่ปรับขึ้นในอาเซียน
ปรับลดประมาณการเพื่อสะท้อนสมมติฐานที่เป็นบวกมากเกินไป
เราเชื่อว่าการดำเนินงานหลักของ SCGP ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q23 และเริ่มพื้นตัวอย่างช้า ๆ ใน 4Q23 การฟื้นตัวดังกล่าวน่าจะเร่งตัวขึ้นในปี 2024 อย่างไรก็ดีเราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-26 ลง 11%/10%15% จากสมมติฐานเดิมที่ค่อนข้าง aggressive โดยส่วนมากเป็นการปรับลดสมมติฐานราคาขายในธุรกิจ IPB และการเพิ่มค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย แม้จะปรับกำไรลงแต่ยังสามารถเติบโตได้ 17%/19%/8% (หรือ 13% CAGR) ในช่วงปี 2024-26
หุ้นมี valuations ถูก คงคำแนะนำซื้อ
หลังปรับลดประมาณการ เราได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 43.0 บาท (DCF, 10.7% WACC, 3.1% LTG) ลดลงจากก่อนหน้าที่ 48.0 บาท ราคาดังกล่าวคิดเป็น 13x 2024E EV/EBITDA เท่ากับค่าเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลัง เราคงคำแนะนำซื้อ จาก valuations ที่ถูก