ไม่ได้กังวลกับการปรับฐานวานนี้ของตลาดหุ้นไทย
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.12% นักลงทุนยังคงกังวลกับทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 3% ถูกกดดันจากการรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่สูงกว่าคาดการณ์ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ต่ำกว่าตลาดคาด
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันดิบพบว่าอยู่ที่ 2.7 ล้านบาร์เรล สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งกดดันราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับลง 3% อย่างไรก็ตาม อีกนัยหนึ่งสะท้อนว่านักลงทุนเริ่มมิได้กังวลกับภาวะสงครามมากและราคาทองคำก็เริ่มทรงตัวหรือมิได้ปรับขึ้นแรง ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งรุ่นอายุ 2, 10 ปี เริ่มปรับลงเล็กน้อยพร้อม กับการอ่อนค่าลงของ Dollar Index สะท้อนว่านักลงทุนคลายกังวลเล็กน้อยกับภาวะดอกเบี้ย ส่วนการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยวานนี้ราว 2.1% มองเป็นภาวะปกติที่ปรับลงตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าปัจจัยด้านสงครามมิได้น่ากังวล และเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงที่จะค่อยๆ เริ่มฟื้นตัว โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าตั้งแต่ช่วง 3Q24- 4Q24 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโต พร้อมกันทุกเครื่องยนต์และท่องเที่ยวก็จะเข้าสู่ช่วงปัจจัยฤดูกาล รวมไปถึง Digital Wallet ก็จะเริ่มดำเนินการในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่นโยบายการเงินประเมินว่าการคงดอกเบี้ยด้วยเสียงที่เข้มแข็ง 5 : 2 สะท้อนถึงความเข้มแข็งของคณะกรรมการนโยบายการเงินต่อการคงดอกเบี้ย เรามองว่าการคงดอกเบี้ยอาจเป็นบวกกับตลาดหุ้นมากกว่า เพราะช่วยสกัดการไหลออกของเงินทุนต่างชาติและอีกนัยยะเป็นตัวสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้อ่อนแรงขนาดต้องเร่งปรับลดดอกเบี้ย
ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 4.2 ล้านหลังคาเรือน หากรายงานแย่กว่าคาดการณ์มองเป็นบวกกับตลาดหุ้น ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามผลประกอบการ 1Q24 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งวานนี้ TISCO รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 พบว่าอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (-3.3%YoY -3%QoQ) แต่สอดคล้องกับที่เราคาดการณ์ โดยถูกกดดันจาก NIM ที่ลดลงจาก Loan Yield ที่ลดลงและ Cost of fund ที่สูงกว่าคาดหลังทราบผลดังกล่าวราคาหุ้นปรับลงเล็กน้อย (Sell on fact)
วันนี้ประเมิน SET ฟื้นตัวในกรอบ 1367 – 1380 เชิงกลยุทธ์การลงทุนแนะการปรับฐานเป็นโอกาสสะสมเน้นที่กลุ่มได้ประโยชน์ Digital Wallet อย่างค้าปลีก (BJC CPALL CPAXT HMPRO) ส่วนกลุ่มอื่นๆที่แนะนำได้แก่ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT) กลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ส่งออก (ITC TU)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท)
แนวโน้ม FY2Q24 เราคาดว่า AOT จะมีกำไรสุทธิ 5,976 ล้านบาท (+221%YoY, +31%QoQ) ได้รับผลดีจากจำนวนผู้โดยสารที่มีจำนวน 32 ล้านคน (+22%YoY, +12%QoQ) มีสัดส่วนผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มเป็น 62% จากระดับ 59% ในไตรมาสก่อนหน้า และเติบโตถึง 43% YoY, 18%QoQ โดยประเมินรายได้ที่ 17,600 ล้านบาท (+60%YoY, +12%QoQ) เทียบกับปีก่อนเติบโตมากเพราะในช่วง FY2Q23 ยังมีมาตรการให้ความ ช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการในสนามบินอยู่
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท)
คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 5.0 พันล้านบาท (+32%YoY, -12%QoQ) หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่คาดว่าจะเติบโต 3.5%YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +3.5% และ Lotus’s +5.0%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2024 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน