KS Daily View 18.04.2024 >>>ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐกดดัน SET, ประเมินกรอบ SET ที่ 1,360-1,370, หุ้นแนะนำ WHA, BEM
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ความตึงเครียดอิหร่าน-อิสราเอล และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ยืนระดับสูงส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนแรง เมื่อวานดัชนีหุ้นไทย (17 เม.ย.) ร่วง 29.44 จุด หลังเปิดทำการหลังวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัว sideway down 1,360/70 จุด มองบรรยากาศการลงทุนในตลาดยังผันผวนหลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯออกมาสูงกว่าคาดที่ 3.5% YoY ในสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดนักลงทุนเลื่อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ของเฟดเป็นเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนมิ.ย. ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. theme แนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้แนะนำกลยุทธ์ Bottom up ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและกระแสเฉพาะตัว วันนี้เราแนะนำหุ้น WHA ซึ่งจะได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง geopolitics และ BEM จาก traffic ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันพุธ (17 เม.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่สูงเกินคาดของสหรัฐ และข้อมูลเศรษฐิจที่อ่อนแอของจีน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังจากมีรายงานว่า สหรัฐมีความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายช่วยเหลือยูเครนและอิสราเอล ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 2.67 ดอลลาร์ หรือ 3.13% ปิดที่ 82.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เมื่อคืนดัชนีหลักตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงต่อ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ -0.12%, ดัชนี S&P500 -0.58% และดัชนี Nasdaq -1.15% ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณครั้งล่าสุดในเวทีการเสวนาที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (16 เม.ย.) ว่า เฟดอาจจะใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในการเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาสูงกว่าการคาดการณ์
- TISCO เป็นบริษัทแรกใน SET ที่รายงานกำไรไตรมาส 1/2567 ซึ่งออกมาอยู่ที่ 1.73 พันลบ. ลดลง 3% QoQ และ YoY ผลประกอบการออกมาใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด เรามีมุมมองเป็นกลางหลักจากการประชุมนักวิเคราะห์โดย แนวโน้ม cost of funds ดูผ่อนคลายกว่าเดิมจากการประชุมรอบที่แล้วตอนต้นปี แต่ความเสี่ยงจาก NPL ในกลุ่ม auto cash ดูจะเพิ่มขึ้น โดยรวมประมาณการเดิมของเราน่าจะยัง in line คาดระดับปันผลที่ 7.75 บาทต่อหุ้นยังคงทำได้ต่อเนื่อง คิดเป็น dividend yield เกือบ 8% คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 107 บาท
- IMF หั่น คาดการณ์จีดีพีไทย ปี 2567 ลงเหลือ 2.7% จากเดิมอยู่ที่คาด 4.4% อย่างไรก็ตามได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของปี 2568 มาอยู่ที่ 2.9% จากรายงานฉบับเดิมที่ 2.0%
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- WHA: ราคาพื้นฐานที่ 5.70 บาท
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายที่ 5.70 บาท ในภาพรวมนอกจากผลประกอบการที่คาดจะออกมาดีในไตรมาส 1/2567 เราคาดกำไรปี 2567 จะออกมาทำจุดสูงสุดใหม่ โดยนอกจากพื้นฐานของไทยและเวียดนามที่เป็นจุดสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนใหม่ๆได้แล้ว ทั้งทำเลที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค รวมถึงมีแรงงานและระบบสาธารณูปโภคที่ดีและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แรงสนับสนุนจากภาครัฐที่ชัดเจนทั้งมาตรการด้านภาษีและไม่เกี่ยวกับภาษีจะเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญต่อแนวโน้มผลประกอบการของ WHA ได้
- BEM: ราคาพื้นฐาน 10.33 บาท
คาดกำไรปกติไตรมาส 1/67 จะอยู่ที่ 873 ลบ. เพิ่มขึ้น 16.5% YoY และ 1.6% QoQ จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของจำนวผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT และค่าผ่านทางที่สูงขึ้น โดย EBITDA ไตรมาส 1/67 คิดเป็น 96% ของระดับก่อนเกิดโควิด แนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 10.33 บาท จาก 1) แนวโน้มการเติบโตของปริมาณการจราจร 2) โมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่ง 3) อัตรากำไรที่ขยายตัว และ 4) ความชัดเจนของรถไฟฟ้าสายสีส้มที่มากขึ้น
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ : ติดตามยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ ในเดือนมี.ค. โดยตลาดคาดว่าจะออกมาที่ 4.2 ล้านยูนิต จากเดือนก่อนหน้าที่ 4.38 ล้านยูนิต
- วันศุกร์ : ติดตามดัชนียอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือนมี.ค. โดยตลาดคาดที่ 0.7% YoY จากเดือนก่อนหน้าที่ -0.4% YoY