ความหวังจาก Bank+ภายนอก / 1360-1370

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET คาดแกว่งตัวออกข้าง : โดยมีปัจจัยหนุนภายนอกและแรงเก็งกำไรกลุ่มธนาคารเข้ามาช่วยหลังปรับตัวลงต่อเนื่องใน 2 วันทำการก่อนหน้า ปัจจัยบวกนำโดย 1) แรงเข้าเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคาร หลัง BBL ประกาศผลประกอบการใน 1Q67 ออกมาสดใส มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3.9%y-y และ 18.7%q-q ทางฝ่ายคาดกำไรของกลุ่มจะโตขึ้นทั้ง y-y และ q-q โดยมี KTB และ TTB เป็น Top Pick ซึ่งกำไรคาดยังโตทั้ง q-q และ y-y มองจะเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นผลักดันตลาด 2) ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ออกมาที่ 2.12 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.15 แสนตำแหน่ง มาพร้อมกับตัวเลข Philadelphia Fed Manufacturing Index ประจำเดือนเม.ย. ออกมาสูงกว่าคาดหลายเท่า โดยออกมาที่ 15.5 จุด สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.5 จุด ซึ่งนับเป็นค่าที่มากที่สุดในรอบ 2 ปี ช่วยคลายความกังวลในภาพการฟื้นตัวของภาคแรงงานและอุตสาหกรรมสหรัฐ แต่อาจสร้างความกังวลว่าเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายยาวนานเพื่อให้สอดรับกับค่าจ้างที่มักเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ด้านคณะกรรมการเฟดทั้ง 4 ท่าน ได้ให้ความเห็นไปในเชิง Hawkish ว่ายังไม่เห็นสัญญาณที่จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยเร่งด่วน ด้านปัจจัยลบยังมาจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ยังคงอิงทางอ่อนตัวสู่ระดับ 81.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่มองน้ำหนักกดดันราคาน้ำมันอาจน้อยลงในช่วงสั้นหลังงานนี้สำนักข่าว ABC รายงานว่าอิสราเอลไม่มีแนวโน้มที่จะโจมตีอิหร่านจนกว่าจะสิ้นสุดเทศกาลปิสกาในช่วงวันที่ 22-29 เม.ย. ทำให้ภาพการยกระดับความรุนแรงของสงครามลดน้อยลง ขณะที่สัปดาห์หน้าตลาดจับตาตัวเลขทางเศรษฐกิจของ 1) สหรัฐ ได้แก่ S&P Service/Manufacturing PMI ตัวเลข GDP ประจำ 1Q67 และตัวเลข PCE เดือนมี.ค. และ 2) การประชุม BoJ
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง: BA, BEM, BTS, AWC, ERW, OR, CPALL, BJC 2) ธนาคาร: BBL, TTB, SCB, KBANK, KTB, TISCO 3) Defensive: PR9, BDMS 4) บาทอ่อน: ITC, AAI, CPF และ 5) Selective: ICHI, STANLY

ปัจจัยบวก

  • รมว.อุตสาหกรรมจีนระบุว่า บรรดาบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน มีมุมมองในแง่ดีเกี่ยวกับโอคาสทางธุรกิจ โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • ครม. มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแค่รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเน้นนโยบายการค้าข้ามพรมแดนไปยังจีน การปรับปรุงเส้นทางนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกการค้าจากไทยไปจีนได้ดีขึ้น
  • ครม. ไฟเขียววีซ่าฟรีถาวรนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน หลังเคยอนุมัติชั่วคราวในช่วงก่อนหน้า
  • รมว.คมนาคมยืนยันว่า จะดำเนินการโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายให้เกิดขึ้นภายใน 2 ปีแรกของรัฐบาล
  • สนามบินสุวรรณภูมิ ขยับขึ้นสู่อันดับ 58 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ส่วน “สนามบินดอนเมือง” ติดอันดับ 10 ของสนามบินสำหรับสายการบิน ต้นทุนต่ำที่ดีที่สุดในโลก

ปัจจัยลบ

  • จีนแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจต่อกรณีที่สหรัฐยื่นมือเข้ามาตรวจสอบอุตสาหกรรมทางทะเล โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมการต่อเรือ โดยระบุคารกระทำดังกล่าวเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ และเป็นการเลือกปฏิบัติต่อจีน สร้างความกังวลด้าน Geopolitical Risk
  • ธปท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมเดือน มี.ค.67 พบว่าอัตราการเข้าพักเดือน มี.ค.67 เฉลี่ยอยู่ที่ 64% ลดลงจากเดือนก่อนหน้า หลังปัจจัยสนับสนุนจากวันหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีนหมดลง พร้อมคาดการณ์อัตราการเข้าพักในเดือนเม.ย.67 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 56%
  • ธนาคารกลางจีน เตือนธนาคารพาณิชย์ในประเทศไม่ควร เน้นขยายสินเชื่อแบบมุ่งแต่ปริมาณ หลังจากข้อมูลชี้ว่าการปล่อยสินเชื่อของธนาคารต่าง ๆ ชะลอตัว
  • ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนใหญ่ปรับตัวลงก่อนถึงช่วงปรากฏการณ์ Halving Bitcoin ที่จะลดอุปทานในตลาดลง

PICKS OF THE DAY

BEM BUY

  • เป้าหมาย 8.50 / 8.80 แนวรับ 8.00
  • 1Q67 คาดกำไรโต y-y: BEM แจ้ง 1Q67 ปริมาณผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้ารวม +0.7% และ +14.1% y-y ที่ 100.21 ล้านคัน และ 39.17 ล้านคน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากปีนี้เดือน ก.พ. มี 29 วัน อีกทั้งต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลง ตามค่าไฟฟ้าต่อหน่วยปรับตัวลงจาก 5.33 บาท เป็น 4.18 บาท คาดทั้งรายได้และกำไรจะเพิ่มขึ้น y-y
  • สายสีส้มและ Double Deck ชัดเจนมากขึ้น: ตุลาการมีความเห็นควรยกฟ้อง ในกรณี BTSC ที่ยื่นฟ้อง รฟม. และคณะ กรรมการตาม พรบ.ร่วมทุน เรื่องกีดกันการแข่งขันในรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเป็นความเห็นยืนตามศาลปกครองกลางได้ตัดสินไปก่อนหน้า ทำให้มีแนวโน้มที่ศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษาในแนวทางเดียวกัน จะส่งผลดีต่อ BEM ที่จะเดิน หน้าเซ็นสัญญาหลังจากที่ชนะประมูลสายสีส้มแล้วหยุดชะงักงันไป อีกทั้งจะมีความชัดเจนโครงการ Double Deck มากขึ้น หลัง กทพ. จะเข้าเจรจากับ BEM

КТВ BUY

  • เป้าหมาย 17.00 / 17.50 แนวรับ 16.00
  • ได้ประโยชน์จากโครงการรัฐและการคงอัตราดอกเบี้ย: จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลที่ทยอยออกมาจะทำให้ KTB ในฐานะที่เป็นธนาคารที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลจะได้ประโยชน์ทั้งความต้องการสินเชื่อที่มากขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมที่จะเพิ่มขึ้นจากการเป็นตัวกลางในการส่งผ่านงบประมาณไปสู่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ และได้ประโยชน์จากการคงดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ที่จะทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อไม่ลดลงไปอีก
  • คาดกำไร 1Q67 เด่นสุด q-q: ทางฝ่ายคาดว่า KTB จะมีกำไร 1Q67 11.8 พันลบ. เพิ่มขึ้นถึง 93.1% q-q เด่นที่สุดในกลุ่ม โดยคาดว่าทั้งกลุ่มจะมีกำไร 1Q67 เพิ่มขึ้นเพียง 22.75 q-q

 

- Advertisement -