Daily Focus: Earnings and Selective Play 

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดในช่วงเช้า ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงขายอย่างหนักกดดันดัชนีทำ Low ใหม่ต่ำกว่า 1,350 จุด ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับทำให้ดัชนีรีบาวด์ลดช่วงลบเหลือ 5.92 จุด ณ สิ้นวันที่ระดับ 1,361.02 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ยัง ค่อนข้างหนาแน่น 5.4 หมื่นลบ. กลุ่มที่ถ่วงตลาด ได้แก่ พลังงาน ปิโตรฯ สื่อสารฯ เป็นต้นสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นแต่บางลงเหลือ 309 ลบ.และ 341 ลบ. ตามลำดับ ขณะที่บัญชีบล.ขายสุทธิสูงสุด 1.8 พันลบ. (ต่างชาติยัง Short Index Futures เพิ่มอีก 3.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,350-1,365 จุด โดยยังคงถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก หลังประธาน FED หลายสาขาออกมาให้ความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่ FED อาจคงดอกเบี้ยตลอดปี 2024 หลังเงินเฟ้อยังปรับตัวลงช้าและยังไม่สร้างความเชื่อมั่นว่าจะกลับสู่เป้าหมาย 2% ในระยะยาว ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯขยับขึ้นอีกครั้งโดยอายุ 2 ปีกลับไปแตะระดับ 5% กดดันสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นที่มี PER สูง เช่นเดียวกับในประเทศที่เราประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยของกนง. มีลดลงเช่นกัน โดยอาจคงดอกเบี้ยทั้งปีหรือลดลงเพียง 1 ครั้ง ภาพรวมดัชนีคาดว่าจะฟื้นตัวได้จำกัด ทำให้กลยุทธ์ต้องเน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจที่จะทยอยเร่งตัวใน 2024-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 นโยบายดิจิทัลวอลเลตที่จะเริ่มใช้จ่ายใน 4Q24 ซึ่งสำหรับ SET Index ที่ปกติเป็น Leading Indicator ต่อภาพเศรษฐกิจและกำไรบจ.ราว 3-6 เดือน ทำให้เรายังคงเชื่อว่าดัชนีมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี ปัจจัยที่ต้องติดตามในเดือน เม.ย.-พ.ค. คือการประกาศกำไร 1024 บจ.

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350+- จุด

หุ้นเด่นเดือน เม.ย.: BA, CPALL, CPN, ITC, TIDLOR

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : CPF

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20 บาท
  • ภาพรวมธุรกิจดูดีขึ้นทั้งไก่ไทยและหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวดี ช่วยชดเชยผลขาดทุนของหมูไทยและหมูจีนได้บางส่วน เราคาดผลการดำเนินงาน 1Q24 จะขาดทุนปกติลดลงเหลือ 3.7 พันลบ. (จากขาดทุนปกติ 1 หมื่นลบ.ใน 4Q24)
  • ล่าสุดราคาหมูไทยขยับขึ้น +6% q-q มาอยู่ที่ 66 บาท/กก. เข้าใกล้ต้นทุนการเลี้ยงมากขึ้นขณะที่ไก่ไทยเข้า High Season ทำให้ 2Q24 มีลุ้นพลิกมีกำไร ขณะที่แนวโน้ม 2H24 คาดว่าจะดูดีขึ้นตามแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ที่มีโอกาสขยับขึ้นต่อ เราจึงคาดปี 2024 CPF จะพลิกมีกำไรปกติ 8.3 พันลบ. ส่วนราคาหุ้นปรับลงช่วงก่อนหน้าสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว
  • แนวรับ 17.70//17 บาท แนวต้าน 18.40//18.80-19 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนในภูมิภาคผสมผสาน สุทธิแล้วไหลเข้า US$345 ล้าน โดยกระจุกที่เกาหลีใต้ US$604 ล้าน แต่ไหลออกจากไต้หวัน US$195 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลออกทุกประเทศสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$45 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะผสมผสานค่อนไปในทางไหลออก หลัง Comment ของประธาน FED หลายสาขาออกมาค่อนข้าง Hawkish โดยมองว่า มีความเป็นไปได้ที่ FED อาจคงดอกเบี้ยตลอดปี 2024 หลังเงินเฟ้อปรับตัวลงช้ากว่าคาด

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) BBL กำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1 หมื่นลบ. +18% q-q และ +3% y-y ใกล้เคียงคาดโดยได้แรงหนุนจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงานหลังพันช่วงฤดูกาล ส่งผลให้ cost-to-income ratio ลดลง ขณะเดียวกันรายได้จากธุรกิจหลัก non-NII เติบโตสูงกว่าคาด จาก investment gains และรายได้เงินปันผลตามฤดูกาล ส่วนตัวที่ไม่ค่อยดีนักคือ NII และ NIM ที่ต่ำกว่าคาด และคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง อาจสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้น BBL ในช่วงสั้น แต่เราไม่ได้กังวลเพราะเป็นนโยบายของ BBL ที่เน้นการตัดหนี้สูญใน 4Q ทุกปี ซึ่งไม่ได้เกิดจากการจัดชั้นหนี้เป็น stage 3 ของ ITD รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ ECLs และ credit costs ที่สูงขึ้นนั้นเป็นไปตามคาด เรายังคงคาดกำไรปี 2024-26 และราคาเป้าหมาย 191 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) SNNP แนวโน้ม 1Q24 ยังไม่ใช่ไตรมาสที่น่าตื่นเต้น แต่จะดีขึ้นใน 2Q และพีคใน 4Q24 โดย 1Q24 รายได้ในประเทศไม่สดใส แต่ถูกหักล้างด้วยมาร์จิ้นที่ดี เราคาดกำไร 1Q24 อยู่ที่ 160 ลบ. -3% q-q, +4% y-y อ่อนลง q-q ตามฤดูกาล แม้คาดรายได้รวมจะโตเพียงเล็กน้อย y-y (ต่ำกว่าเป้าที่เป็น Double digit growth) จากรายได้ในประเทศช่องทาง traditional trade ที่ไม่สดใสนัก แต่รายได้ต่างประเทศยังโตได้ โดยเฉพาะเวียดนาม ที่ปัจจุบันติดตั้งครบทั้ง 3 ไลน์แล้ว แต่ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นของโรงงานเวียดนามที่สูงกว่าไทย จึงคาดอัตรากำไรขั้นต้น 1Q24 จะทำนิวไฮสูงขึ้นทั้ง q-q และ y-y พอช่วยหนุนให้กำไร 1Q24 โต y-y ได้ เรายังคงคาดกำไรปี 2024 +23% y-y และราคาเป้าหมาย 22 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 22.07 จุด หรือ +0.06% ปิดที่ 37,775.38 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังจากเจ้าหน้าที่ของเฟด ต่างก็ออกมาส่งสัญญาณที่สอดคล้องกันว่าเฟดอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมหลังหุ้นเอบีบี (ABB) ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรมของสวิตเซอร์แลนด์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ สอดคล้องการตลาดสหรัฐฯ (S&P500 และ Nasdaq) ที่ปรับตัวลดลง

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.26%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 82.73 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะไม่ลุกลามเป็นวงกว้าง ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 83.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +1.17%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 9.60 ดอลลาร์ หรือ 0.40% ปิดที่ 2,398.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 2,397.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.03%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 827.59/ –

- Advertisement -