Daily Focus 2024: Earnings and Selective Play
SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่องก่อนปิดบวกเล็กน้อย 2.61 จุด ที่ระดับ 1,371.90 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายบางลงเหลือ 3.6 หมื่นลบ. โดยรวมยังอ่อนแอกว่าภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นได้แข็งแรงกว่า สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 322 ลบ.ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 616 ลบ. (และพลิกมา Long Index Futures 1.35 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,365-1,380 จุด โดยคาดตตลาดจะตอบรับเชิงบวกต่อกำไร 1Q24 ของ CPALL และช่วยประคองตลาด แม้จะมีแรงกดดันจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมิชิแกนเดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ Inflation Expectation ปรับตัวขึ้น ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนล่าสุดออกมาค่อนไปในเชิงลบหลังเงินเฟ้อ PPI ยังติดลบต่อเนื่อง ขณะที่สินเชื่อให้ภาคเอกชนของจีนเดือนเม.ย. 24 ออกมาติดลบเป็นครั้งแรกตั้งแต่ ม.ค. 02 อย่างไรก็ตาม โฟกัสของตลาดยังอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ PPI และ CPI สหรัฐฯเดือน เม.ย. ที่จะประกาศกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งจะกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงการประเมินโอกาสการลดดอกเบี้ยของ FED ส่วนปัจจัยในประเทศล่าสุดผลประกอบการ 1Q24 ของบจ. เท่าที่ประกาศออกมาแล้วโดยรวมดูดีกว่าที่ตลาดคาดราว 6% ซึ่งเป็นสัญญาณบวกและช่วยจำกัด Downside ของประมาณการ EPS ปี 2024 ของเราที่ราว 91.50 บาท และทำให้เรายังคงมุมมองว่า SET Index น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในรอบที่ผ่านมา กลยุทธ์เราจึงเน้นถือลงทุนต่อเนื่องและเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงหนุนจากนโยบาย Digital Wallet ปลายปี
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไร 1Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: BDMS, CPALL, ITC, NSL, TU
FSSIA Portfolio: AOT, BMS, CALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, TIDLOR and TU
หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 77 บาท
- รายงานกำไรสุทธิ 6.3 พันลบ. +15% q-q, +53% y-y หากไม่รวม Fx gain จะมีกำไรปกติ 6 พันลบ. ดีกว่าคาด 24% หนุนจากยอดที่ดีกว่าคาดโดยเฉพาะจาก SSSG ของธุรกิจ CVS ที่ +4.9% (เราคาด 3.5%) รวมถึง Gross margin รวมปรับดีขึ้นเป็น 22.3% ขณะที่ SG&A to revenue ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเหลือ 19.9% จากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
- กำไรปกติ 1Q24 คิดเป็น 29% ของกำไรของเราทั้งปี ทำให้ประมาณการของเรามี upside จากแนวโน้ม SSSG ใน 2Q24 ที่ยังเป็นบวกได้ รวมถึงแนวโน้ม Gross margin ของธุรกิจ CVS ที่คาดว่าจะยังรักษาระดับได้ใกล้เคียงกับ 1Q24
- แนวรับ 57.50//56 บาท แนวต้าน 60//62//64 บาท
Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$589 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$532 ล้าน รองลงมาคือเกาหลีใต้ US$94 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกจากไทยและเวียดนามอ่อนๆประเทศละ US$17-20 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะผสมผสานโดยรอจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน เม.ย. สัปดาห์นี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มเครื่องดื่ม (++) MALEE กำไร 1Q24 น่าประทับใจสูงถึง 122 ลบ. มากกว่ากำไรทั้งปี 2023 ที่ทำได้ 80 ลบ. คาดกำไรปี 2024 เบื้องต้น 460 ลบ. ราคาเป้าหมาย 17-21 บาท (+) COCOCO กำไร 1Q24 ทำนิวไฮ 204 ลบ. ดีกว่าตลาดคาด 7% กำไรน่าจะดีขึ้นต่อใน 2Q24 เพราะเข้า high season คาดเห็นตลาดปรับเพิ่มกำไรและราคาเป้าหมายขึ้นจากปัจจุบันเฉลี่ย 13.17 บาท เป็นประมาณ 15 บาท (-) PLUS กำไร 1Q24 ไม่ค่อยสวย ทำได้เพียง 12.8 ลบ. ลดลงแรงจาก 57 ลบ.ใน 4Q23 แต่เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำมาก 8 ลบ.ใน 1Q23 แนวโน้มค่อนข้างท้าท้าย แต่คิดว่ากำไร 1Q24 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี
(+) CBG กำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 628 ลบ. -3% q-q, +138% y-y ดีกว่าเราและตลาดคาด 4-8% โดยรายได้เติบโต 20% y-y ทุกธุรกิจ แต่ลดลง 7% q-q จากรายได้ energy drink และเบียร์ในประเทศ ขณะที่ส่งออก energy drink เพิ่มขึ้นทั้ง q-q และ y-y แข็งแกร่งในตลาด CLMV กำไร 1Q24 คิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปี ประกอบกับคาดกำไร 2Q24 น่าจะกลับมาโตทั้ง q-q และ y-y จากฐานต่ำปีก่อนและเข้า high season ของตลาดเครื่องดื่มในประเทศ ทำให้เราเริ่มเห็น Upside ในประมาณการกำไรปี 2024 ของเราหากรายได้จากเบียร์ดีในช่วงที่เหลือของปีราคาเป้าหมาย 70 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) SAFE กำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 67 ลบ. +24% q-q, +86% y-y ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาส และดีกว่าเราคาด 5% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาดหลังปรับค่ารักษาเพิ่ม ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับลงมากกว่าคาด แนวโน้มรายได้จากการทำ IVF และบริการตรวจพันธุกรรมยังคงดีต่อเนื่องในเดือน เม.ย 2024 สำหรับแผน M&A คลินิก IVF ทั้งในและต่างประเทศยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา คงคาดกำไรปี 2024 +39% y-y และราคาเป้าหมาย 25 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) TVO กำไรปกติ 1Q24 ที่ 281 ลบ. +39% q-q และพลิกจากขาดทุน 77 ลบ. ใน 1Q23 หลักๆ มาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับลง ทำให้ gross margin ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส ขณะที่รายได้รวมลดลง 5% q-q และ 18.5% y-y จากราคาขายถั่วเหลืองที่ลดลงตามราคาตลาดโลก โดยรวม 1Q24 ฟื้นตัวดีขึ้น แม้ผลการดำเนินงานปกติยังไม่ดีเท่าไรนัก แต่เราคาดเห็นรายได้ฟื้นตัวในช่วงถัดไปและได้ผลบวกจาก economy of scale กำไร 1Q24 คิดเป็น 25% ของประมาณกำไรทั้งปี คาด 2024 จะฟื้นตัวทั้ง q-q และ y-y
(-) RBF กำไรปกติ 1Q24 ที่ 172 ลบ. +23% q-q, +17% y-y ต่ำคาด 5% จากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงกว่าคาด และ gross margin ฟื้นตัวช้า แม้เราจะคาดว่ารายได้ 2Q24 จะโตตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการโดยรวมอาจไม่ตื่นเต้น เนื่องจากรายได้จากต่างประเทศเติบโตชะลอลง ดังนั้นเราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-26 ลง 7-9% เป็นเติบโต +21% y-y ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 11 บาทจากเดิม 13 บาท และปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 125.08 จุด หรือ +0.32% ปิดที่ 39,512.84 จุด และดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นอีกในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนประเมินความเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟด และจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญในสัปดาห์นี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนม.ค. เนื่องจากความต้องการเสี่ยงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยุโรป และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ หลังมีรายงานเงินเฟ้อจีนที่สูงกว่าตลาดคาด
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.07%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 78.26 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เพิ่มขึ้น 0.2% ในรอบสัปดาห์นี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟด บ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ซึ่งอาจกระทบความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 78.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.32%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 34.70 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 2,375 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดใจของทองคำที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,368.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.28%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 831.93/ +0.18%