บล.พาย:
TACC: T.A.C. Consumer PCL
เริ่มปี 24 กำไร 1Q24 โต 44%YoY
TACC รายงานกำไรสุทธิงวด 1Q24 ที่ 61 ล้านบาท (+44%YoY, 4%QoQ) เติบโตแรงหลังจากได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวรวมถึงการเติบโตตาม 7-11 ที่มีการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเราคาดว่าช่วง 2Q24 ยังคงเห็นการเติบโตต่อเนื่องเพราะเข้าสู่ฤดูร้อน รวมถึงยังมีการเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เรายังคงประเมินรายได้ในปี 24 เติบโต 11% มาอยู่ที่ 1,894 ล้านบาท และคาดกำไรสุทธิที่ 237 ล้านบาท (+15%YoY) ไว้เท่าเดิม ทั้งนี้เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมแต่ให้ระมัดระวัง เพราะราคาหุ้นอาจจะถูกกดดันจากการที่บริษัทจะขายหุ้นซื้อคืนจำนวน 8 ล้านหุ้นออกมาระหว่างวันที่ 17 พ.ค. 24-18 พ.ค. 25
1Q24 กำไรสุทธิ 61 ล้านบาท (+44%YoY,+4%QoQ)
- TACC มีกำไรสุทธิงวด 1Q24 61 ล้านบาท (+44%YoY,+4%QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษในงวด 4Q23 อย่างการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่มีมูลค่าสุทธิ 11 ล้านบาท กำไรปกติจะลดลง 14%QoQ เป็นผลตามฤดูกาลและค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้น
- รายได้ 458 ล้าบาท ทรงตัวจาก 4Q23 แต่เพิ่มขึ้น 21%YoY ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการเปิดสาขาใหม่ของทาง CPALL ที่มีอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ
- อัตรากำไรขั้นต้นที่ 34% ดีขึ้นจาก 31.6% ใน 1Q23 และ 33.3% ใน 4Q23 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 83 ล้านบาท (+27%YoY, +8%QoQ เรานับเฉพาะค่าใช้จ่ายปกติไม่รวมการตั้งสำรอง 11 ล้านบาทใน 4Q23) เพิ่มมากเพราะค่าใช้จ่ายทางการตลาด
- ไตรมาสนี้ไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนเข้ามาแล้วหลังจากรับรู้ 2 ล้านบาท ใน 1Q23 และ 4Q23 หลังการตั้งสำรองหมดไปแล้วในช่วง 4Q23 ที่ผ่านมา
การเติบโตขของรายได้ไม่น่าเป็นห่วง
ภาพรวมช่วง 2Q24 ในแง่รายได้คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกเรื่องสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนในเดือน เม.ย. ขณะที่การเปิดสาขาใหม่ของร้าน 7-11 ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงร้านค้าอื่นที่ทาง TACC มีการขายสินค้าให้อย่างร้านกาแฟพันธุ์ไทย เป็นต้น ขณะที่การออกสินค้ารสชาตใหม่ ยังมีอย่างต่อเนื่อง อย่างล่าสุดออกเครื่องดื่มรสโยเกิร์ตเราวางขายตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
แนะนำ “ซื้อ” แต่ระวังแรงกดดันจากหุ้นซื้อคืน
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 7.0 บาท (18XPER’24E อิง กับระดับ PER ย้อนหลัง 5 ปี) มีปัจจัยบวกจากผลประกอบการออกมาดีแต่ให้ระมัดระวังแรงกดดันจากการขายหุ้นซื้อคืนจำนวน 8 ล้านหุ้น ที่ทางบริษัทประกาศขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ระหว่างวันที่ 17 พ.ค. 24 – 19 พ.ค. 25
