“SVR” โชว์งบรายได้ Q1/ 67 แตะ 203.22 ล้านบาท เร่งใส่เกียร์ผุด 6 โปรเจกต์ใหม่ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท เจาะโซนใหม่
บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท หรือ “SVR” เดินเกมรุกเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 6 โปรเจกต์ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท เจาะโซนใหม่ “พุทธมณฑล บางแค-สาทร, ประชาอุทิศ, บางกรวย-ไทรน้อย” หลังประสบความสำเร็จ ยึดหัวหาดโซนบางปู พร้อมประกาศขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ มั่นใจหนุนเป้ารายได้ปีโต 35-50% ขณะที่งบไตรมาส 1/2567 กวาดรายได้รวม 203.22 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 8.83 ล้านบาท พร้อมรับรู้รายได้จาก2 โครงการใหม่ สิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน – ประชาอุทิศ 76) และ สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน – ชัยพฤกษ์) เข้ากระเป๋าในไตรมาสแรก
นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 203.83 ล้านบาท ซึ่งมาจากการรับรู้จากโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน – ประชาอุทิศ 76) จำนวน 28.55 ล้านบาท และ โครงการสิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน – ชัยพฤกษ์) จำนวน 27.98 ล้านบาท พร้อมทั้งยังรับรู้จากยอดขายโครงการเดิมต่อเนื่องอีก 5 โครงการ อาทิ โครงการสิวารมณ์ ซิตี้ (นิคมพัฒนา – ระยอง), โครงการสิวารมณ์ แกรนด์ (สุขุมวิท – บางปู), โครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส (อัสสัมชัญ-ศรีราชา), โครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส 2 (สุขุมวิท – บางปู) และโครงการ สิวารมณ์ วิลเลจ (สุขุมวิท-บางปู58) ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 8.83 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้ จากกรณีที่ผู้บริโภคชะลอการซื้อที่อยู่อาศัย เนื่องจากรอความชัดเจนมาตรการอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่เริ่มทยอยออกมา ประกอบกับราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นของสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลการดำเนินการไตรมาสแรกของบริษัทฯ ปรับตัวลดลง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็ยังคงขับเคลื่อนการเปิดโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีการทยอย เปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมเจาะตลาดผู้อยู่อาศัยในโซนใหม่ อย่าง พุทธมณฑล บางแค-สาทร ,ประชาอุทิศ, บางกรวย-ไทรน้อย เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมทุกมิติ สอดรับการนโยบายบริษัทฯ ที่มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพ-ปริมณฑล
ไตรมาสแรก บริษัทฯ มีการเปิดโครงใหม่และทยอยรับรู้รายได้เข้ามาแล้ว คือ โครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (ประชาอุทิศ 76) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว บนพื้นที่ประมาณ 22-3-78 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท และ โครงการสิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน – ชัยพฤกษ์) เป็นโครงการบ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 242 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท ระดับราคา 2-3.5 ล้านบาทต่อยูนิต
ส่วนในช่วงไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ เตรียมทยอยเปิดโครงการที่เหลืออีก 4 โครงการ โดยในไตรมาส2/2567 นี้ เปิดตัว 1 โครงการ ได้แก่ โครงการสิวารมณ์ ไฮด์ (บางแค-สาทร) พัฒนาภายใต้ CONCEPT “NEVER HIDE YOUR SUCCESS” กับความเป็นส่วนตัวแบบสุดพิเศษเพียง 29 หลัง ด้วยบ้านหรูหลังใหญ่ พื้นที่ใช้สอยระดับคฤหาสน์ กว่า 400 ตร.ม. รองรับสูงสุดถึง 5 ห้องนอน 5 ที่จอดรถ บนที่ดินเริ่มต้น 100 ตร.ว. ขึ้นไป ในระดับราคา 16-20 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2567
ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/2567 เตรียมเปิดอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ สิวารมณ์ ไฮด์ (พุทธมณฑลสาย 3) ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ Art Deco บนทำเลพุทธมณฑลสาย 3 ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท โดยคาดว่าทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2567 และ 2. โครงการ แกรนด์ สิวารมณ์ 2 (สุขุมวิท-บางปู) เป็นบ้านสไตล์วิคตอเรียน (Victorian style) บนถนนสุขุมวิท – บางปู คาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2567
ไตรมาส 4/2567 เตรียมเปิดตัวอีก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ สิวารมณ์ เนเจอร์ พลัส (บางปู 104) เป็นโครงการทาวน์โฮมสไตล์ Bergen ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 / 2567 เป็นต้นไป ดังนั้นจากโครงการใหม่ รวมถึงโครงการเดิม ส่งผลให้บริษัทฯ มีโครงการในมือที่จะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องถึงปี 2568-2569
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ โดยมุ่งเน้นพัฒนาโครงการระดับ UPPER CLASS เพื่อตอบรับทำเลศักยภาพ ตามการขยายตัวของทำเลที่อยู่อาศัย NEW LIVING COMMUNITY มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของที่อยู่อาศัย ซึ่งปัจจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตในปี2567 เพิ่มขึ้น 35-50% เมื่อเทียบจากปีก่อน ทั้งจากโครงการใหม่ และโครงการเดิมที่ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมโอนอสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนการจำนอง อสังหาริมทรัพย์จากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดที่จดทะเบียนอาคารชุดที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการจัดโปรโมชั่น หั่นราคา มอบสิทธิพิเศษ โดยนำส่วนลดค่าโอนจากสิทธิ์มาตรการรัฐ มาเป็นส่วนลดพิเศษ ในช่วงระยะเวลาโปรโมชั่น ตั้งแต่วันนี้ – 31 พ.ค. 2567 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าจะได้การตอบรับที่ดี เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อได้ประโยชน์จากมาตรการของภาครัฐ