MTC ปลื้ม! ปิดจ๊อบขายหุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ รองรับแผนมุ่งสู่แหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพ มาตรฐานระดับโลก เดินหน้าสร้างโอกาสเข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรม
บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ปลื้ม! ปิดจ๊อบขายหุ้นกู้ 3 ชุด อายุ 2-4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.30-4.95% ต่อปี มูลค่า 7,120 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน ฟากผู้บริหาร “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผน มุ่งสู่ World Class Thai Microfinance เพื่อสร้างโอกาสทางการเงินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม-ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมไทยให้เป็นสุข
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า หุ้นกู้ที่บริษัทฯ เปิดขาย 3 ชุดใหม่ ระหว่างวันที่ 14-16 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1.หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 22 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี 2.หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 21 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.80% ต่อปี และ 3.หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 27 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.95% ต่อปี วงเงินที่เสนอขาย 5,000 ล้านบาทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม สามารถปิดการขายได้เต็มจำนวน บริษัทฯ จึงตัดสินใจนำหุ้นกู้สำรอง (Greenshoe option) ออกเสนอขายเพิ่มเติมอีก ส่งผลให้บริษัทสามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้มูลค่ารวม 7,120 ล้านบาท
สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เตรียมนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้จากการออกหุ้นกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อขยายกิจการของบริษัทฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯมีรายได้รวม 6,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% กำไรสุทธิ 1,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.8% พอร์ตสินเชื่อเติบโต 17.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะที่ระดับ 147,587 ล้านบาท และ NPL อยู่ที่ 3.03%
รองกรรมการผู้จัดการ MTC กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 จะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 15-20% เทียบปีที่ผ่านมา พร้อมคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้ไม่เกิน 3.2% และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้
โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของบริษัทฯกว่า 30 ปี บริษัทฯ มุ่งมั่นยกระดับการบริการสินเชื่อให้เป็นแหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพในมาตรฐานระดับโลก (World Class Thai Microfinance) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสทางการเงินอย่างทั่วถึง ภายใต้อัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมและไม่สร้างภาระทางการเงินที่มากเกินไปต่อภาคครัวเรือน ตามหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมให้เป็นสุข รวมถึงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (SDGs) ได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม จนได้รับการรับรองผลการประเมิน ESG MSCI Index ในปี 2566 ที่ระดับ AA ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Customer Finance) และได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SETESG Ratings ที่ระดับ A ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน จากการประเมินทางมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
อีกทั้ง บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors : IOD) ในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือ 5 ดาว เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันอีกด้วย