บล.พาย:
SPALI: Supalai PCL
ปี 2024 ยังท้าทาย แม้คาดกำไรจะฟื้นตัว
เราปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ 20.20 บาท กำไรสุทธิใน 1Q24 ออกมาต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดอยู่ที่ 614 ล้านบาท บาท (-43.2%YoY, -69.6% QoQ) โดยคาดจะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2024 ก่อนฟื้นตัวใน 2Q24 โดยบริษัทมีแผนการโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวสูงถึง 3 โครงการแม้ว่าจะยังมีความกังวลต่อยอดขายที่ต่ำ สวนทางการเปิดตัวโครงการใหม่ที่สูงใน 1Q24 ว่าอาจสร้างแรงกดดันต่อการเปิดโครงการ และยอด Backlog ใน 2H24 แต่ด้วยมาตราการกระตุ้นภาคอสังหาริมรัพย์ที่สนับสนุน portfolio หลักของ SPALI ราคาที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 7 ล้านบาท อีกทั้งยอดเข้าชมโครงการที่ประเมินว่าเริ่มมีสัญญานดีขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เราจึงยังคาดหวังว่าทิศทางรายไตรมาสจากนี้จะเป็นบวก
กำไรสุทธิใน 1Q24 หดตัวต่ำกว่าคาด
- ประกาศกำไรสุทธิ 1Q24 ลดลงอยู่ที่ 614 ล้านบาท (-43.2% YoY, -69.6% QoQ) เนื่องจาก 1) รายได้รับรู้หดตัวทั้งจากโครงการแนวราบและคอนโด และ 2) สัดส่วนการโอนแนวราบที่สูงกว่าคอนโด (+8 ppts YoY, +6.6 ppts QoQ) กดดันอัตรากำไรขั้นต้นให้ลดลง YoY ในขณะที่รายได้หดตัวเป็นผลมาจาก 1) Presales ที่อ่อนแอ ทำให้ยอดโอน และรับรู้รายได้น้อยลง 2) การเร่งโอนใน 4Q23 โดยตลาดกังวลว่ามาตราการช่วยเหลือจากรัฐจะสิ้นสุดในปี 2023 ทำให้ใน 1Q24 เหลือ Backlog พร้อมโอนที่ต่ำ และ 3) กำลังซื้อที่ยังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
กำไรสุทธิฟื้นตัวใน 2Q24 จากรายได้ที่โตด้วยการโอนคอนโดมากขึ้น
- เรามองว่าใน 1Q24 รายได้จะอ่อนตัวเป็นจุดต่ำสุดของปี 2024 เนื่องจากมีกำหนดการโอนคอนโดมูลค่าสูง 3 โครงการ คาดส่งเสริมให้อัตรากำไรปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะโครงการ Supalai Icon Sathorn ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.23 หมื่นล้านบาท และ Supalai Premier Samsen-Ratchawat 1.6 พันล้านบาท
- ยอด Backlog รายงานล่าสุดอยู่ที่ 1.76 หมื่นล้านบาท โดยมีกำหนดการโอนมูลค่า 1.47 หมื่นล้านบาท (คิดเป็น 41% ของเป้าหมายรายได้ปี 2024)
ปรับลดประมาณการ คาดเปิดโครงการใหม่ต่ำเป้า กดดันกำไรปี 24E
- ถึงแม้เราคาดกำไรสุทธิได้ผ่านจุดต่ำสุด ใน 1Q24 และมองการฟื้นตัวใน 2Q24 อย่างไรก็ตาม ด้วย 1) สภาวะตลาดปี 2024 ที่ไม่สดใส 2) ยอดขายใน 1Q24 ที่ต่ำสวนทางกับมูลค่าโครงการเปิดใหม่ที่สูง สะท้อนกำลังซื้อยังชะลอตัว 3) การปล่อยสินเชื่อธนาคารที่ยังคงเข้ม และ 4) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มช้ากว่าคาด อาจกดดันการเปิดตัวโครงการใหม่ต่ำกว่าเป้าหมาย เมื่อคำนึงถึงยอด Backlog ที่ไม่สูงของ SPALI มี
โอกาสกระทบยอดรับรู้รายได้ปี 2025 โดยปรับประมานการหลักดังนี้ 1)
ยอดเปิดตัวโครงการปี 2024 ลดลงอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท 2) ลดอัตราการจ่ายปันผลอยู่ที่ 45% และ 3) ลดอัตราการเติบโตธุรกิจอยู่ที่ 2.5% - เราปรับประมาณการรายได้ลดลง 9.6% ที่ 3.02 หมื่นล้านบาท และปรับลด GPM เหลือ 35.7% (-0.1 ppts) ส่งผลปรับลดกำไรสุทธิลง 10.8% ที่ 5.8 พันล้านบาท และ
ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” และลดมูลค่าเหลือ 20.20 บาท
ปรับลดมูลค่าพื้นฐานเหลือ 20.20 บาท (-15.8% จากประมาณการเดิม) คำนวณด้วย Justified P/E จากการคิดลดเงินปันผล (GGM) โดยมี COE 9.1% และ TG 2.5% เทียบเท่า 6.8x PE’24E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย
Earnings review
- ประกาศกำไรสุทธิ 1Q24 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ อยู่ที่ 614 ล้านบาท (-43.2% YoY, -69.6% QoQ) เนื่องจาก 1) รายได้ที่อ่อนตัว และ 2) สัดส่วนรายได้รับรู้จากแนวราบที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำสูงกว่าปกติคิดเป็น 77% ของยอดโอนทั้งหมด อย่างไรก็ตามเรามองว่ากำไรสุทธิมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากแผนการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดที่มีอัตรากำไรสูงกว่าแนวราบอีก 4 โครงการใน 2Q24 และ 3Q24
- รายได้หดตัวอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท (-20.1% YoY, -54.7% QoQ) จาก 1) ยอด Presales ลดลง ทั้งในแนวราบและคอนโด รวมอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท (-23.3% YoY, +29.4% QoQ) 2) มีการเร่งโอนตั้งแต่ 4Q23 ทำให้ใน 1Q23 มียอด Backlog ที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์น้อย และ 3) กำลังซื้อของตลาดที่ชะลอตัว สังเกตได้จากการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ที่สูงอยู่ที่ 1.66 หมื่นล้านบาท (+265.1% YoY, +117.4% QoQ) ใน 1Q24 แต่ยอดขายกลับอ่อนตัว YoY
- GPM ใน 1Q24 อยู่ที่ 36.3% (-0.3 ppts YoY, +1.4 ppts QoQ) ลดลง YoY จากสัดส่วนโครงการแนวราบที่โอนกรรมสิทธิ์จำนวนมากถึง 77% ของยอดโอนทั้งหมด โดยเมื่อเทียบกับ 1Q23 จะพบว่าสัดส่วนแนวราบเติบโตขึ้น +8% ppts YoY และ +6.6 ppts QoQ ในขณะที่เติบโต QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นตามประเภทอสังหาฯที่สูงขึ้นจากฐานต่ำใน 4Q23 ซึ่งเป็นผลจากโปรโมชั่นเร่งยอดขายปลายปี 2023
- SG&A ต่อยอดขายคาดปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 17.1% (+2.8 ppts YoY, +6.1 ppts QoQ) สาเหตุหลักสืบเนื่องมาจากการรับรู้รายได้ที่หดตัว