แกร่งกว่าคิด อาจรอนานกว่าเดิม / 1,350- 1,370

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET เดินหน้าในทางลง: แรงกดดันจากความกังวลนโยบายการเงินตึงตัวในฝั่งสหรัฐฯ และความขัดแย้งทางการค้า หากแต่ทางลงจำกัดจากการส่งออกไทยที่พลิกมาขยายตัว ทั้งนี้ คาด SET Index ถูกกดดันจากการลดสถานะเสี่ยงของนักลงทุน ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้ หลังสหรัฐฯเผยตัวเลขศก.ที่บ่งชี้ถึงศก.และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งโดย 1) PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.67 ซึ่งอยู่ 54.4 มากกว่าตลาดคาดที่ 51.1 และเพิ่มขึ้นจาก 51.3 ในเดือนเม.ย.67 อีกทั้ง นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน และมื่อแยกพิจารณาภาคการผลิตและบริการในเดือนพบว่าอยู่ที่ 50.9 และ 54.8 เพิ่มขึ้นจาก 50 และ 51.3 ในเดือนเม.ย.67 และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 และ 12 เดือน ตามลำดับ และ 2) ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8 พันราย สู่ 2.15 แสนรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.2 แสนราย นอกจากนี้ จาก CME FedWatch Tool พบว่าสำหรับรอบการประชุมเดือนก.ย.67 น้ำหนักในการคงอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 46% จาก 32% ในสัปดาห์ก่อนขณะที่ US bond yield 2 และ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.93% และ 4.47% คาดเป็นแรงกดดันต่อ SET Index เช่นกัน นอกจากนี้มองความกังวลสงครามการค้าอาจเป็นอีกแรงกดดัน หลัง USTR เผยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของจีนบางส่วน ซึ่งรวมถึง EVs และแบตเตอรี่ ชิปคอมพิวเตอร์ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.67 ในด้านฝั่งจีน หอการค้าจีนประจำอียูเผย ข้อมูลแหล่งข่าววงในว่ามีความเป็นไปได้ที่จีนจะขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯและอียู จากอัตราเดิม 15% เป็น 25% อย่างไรก็ตามมองแรงพยุงมาจากการเผยการส่งออกของไทยเดือนเม.ย.67 ที่ขยายตัว 6.8% V-y ส่วนทางตลาดคาดที่หดตัว 0.2% y-y และพลิกจากการหดตัว 10.87% y-y ในเดือนมี.ค.67 ทั้งนี้ การขยายตัวของการส่งออกจะเป็นปัจจัยหนุนต่อการเติบโตของศก.ไทยใน 2Q67
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) ส่งออก: AAI, CBG, COCOCO, CPF, ITC, OSP, SAPPE, STA, XO 2) Defensive: ADVANC, BDMS, BH, PR9 3) เก็งหุ้นเข้า SET50/100: BA, JAS, PRM และ 4) สะสมหุ้น P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี: AOT, DELTA, GULF, MINT, WHA

ปัจจัยบวก

  • การส่งออกของไทยเดือนเม.ย.67 หากพิจารณารายสินค้าพบสินค้าที่ขยายตัวได้ดี อาทิ ยางพารา ไก่แปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหารเครื่องดื่ม เป็นต้น ส่งผลให้ทางฝ่ายมองเป็น Sentiment หนุนต่อหุ้นในกลุ่มดังกล่าว
  • Agoda เผยทวีปเอเชียคือหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนยมของ นักท่องเที่ยวชาวยุโรป ช่วงยุโรปกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน ทั้งนี้ ข้อมูลชี่ว่านักท่องเที่ยวชาวยุโรปค้นหาที่พักเพื่อไปท่องเที่ยวในเอเชียมากขึ้นถึง 52% y-y โดย 5 จุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียสำหรับนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ตามลำดับ
  • สรท.เผยแนวโน้มการส่งออกของไทยใน 2Q67 เชื่อว่ายังคงขยาย 1-2% จากแนวโน้มการส่งออกในสินค้าอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ชิ้นส่วนยานยนต์ สินค้าเกษตร ข้าว ย่างพารา และผลไม้มีการเติบโตไปได้ดี
  • TSMC คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จะเติบโตมากกว่า 10% ในปีนี้ ไม่รวมธุรกิจชิปหน่วยความจำ

ปัจจัยลบ

  • ส.อ.ท.เผยการผลิตรถยนต์เดือนเม.ย.67 มีทั้งสิ้น 104,667 คัน ลดลง 11.02% y-y จากการผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อขายในประเทศ ที่ลดลง 5.03% และ 45.94% ตามลำดับ สอดคล้องกับยอดขายที่ลดลง เพราะหนี้ครัวเรือนที่สูงและศก.เติบโตในอัตราต่ำ ดัชนีผลผลิต อุตสาหกรรมติดลมมาหลายเดือน กำลังซื้อยังเปราะบาง
  • Goldman Sachs คาดเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ท่ามกลางภาวะศก.ที่ปรับตัวดีขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ
  • JPMorgan เผยผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับศก. สหรัฐฯจะเป็นสถานการณ์ stagflation ซึ่งอัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่การเติบโตจะชะลอตัวลงท่ามกลางการว่างงานที่สูง
  • ธนาคาร Norinchukin ได้ประกาศเพิ่มทุนถึง 1.2 ล้านล้านเยน หลัง 1Q67 ขาดทุนกว่า 2.2 ล้านเยน จากภาวะเงินฝืดและอัตราดอกเบี้ยติดลบในญี่ปุ่น ทำให้นักลงทุนในประเทศต้องออกไปหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในต่างประเทศ และเริ่มเลวร้ายลงหลังจากที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

PICKS OF THE DAY

BH BUY

  • เป้าหมาย 258.00 / 265.00 แนวรับ 240.00 / 245.00
  • Defensive Stock: ทาง BH มีค่า Beta ต่ำที่ 0.48 ทำให้หุ้น BH จะผันผวนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดที่มีความผันผวนมากกว่า อีกทั้งงบใน 1Q24 กำไรโตที่ 1,985 ลบ. (+25% y-y, +15% q-q) สะท้อนภาพการทำกำไร และการจัดการต้นทุนที่ดี รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตของหุ้นจากแผนการสร้างโรงพยาบาลเพิ่มที่จังหวัดภูเก็ต และแผนการรองรับลูกค้าประกัน
  • ลูกค้าหลัก Middle East: จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในกลุ่มลูกค้า Middle East ที่ +4.9%y-y สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าในกลุ่มนี้ได้กลับเข้ามาใช้บริการ BH เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของทาง BH ถึงแม้ว่าจะมีช่วงฤดูเดือนรอมมาฎอน และสงครามในตะวันออกกลางก็ตาม นอกจากนี้ยังคาดว่าปริมาณผู้ป่วยจากตะวันออกกลางจะเพิ่มขึ้นในปี 67 นี้อย่างต่อเนื่อง

COCOCO BUY

  • เป้าหมาย 13.50 / 14.00 แนวรับ 12.00 / 12.50
  • Low season ยังเติบโตได้ดี: กำไร 1Q67 ออกมาเติบโต y-y และ q-q ได้ดี แม้เป็นช่วง low season ที่สุดของปี จากอัตรากำไรขั้นต้นที่มีทิศทางสูงขึ้นต่อเนื่อง จากสัดส่วนยอดขายน้ำมะพร้าวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงกว่าสินค้าน้ำกะทิ
  • เพิ่มกำลังผลิต-รายได้สูงขึ้นต่อนื่อง: คาดไตรมาสสอง-สาม รายได้ยังเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง จากเริ่มหมดช่วงฤดูหนาวไปแล้ว คำสั่งซื้อจะทยอยเพิ่มมากขึ้น และการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ในปีนี้จะทำให้มีกำลังผลิตน้ำมะพร้าวที่ 2.95 แสนตัน/ปี ทยอยติดตั้งไปทุกไตรมาส มากกว่าปีก่อนที่ 1.07 แสนตัน/ปี
- Advertisement -